ธนาคารขยะบ้านบุ่งหวาย

          /data/content/25825/cms/e_fgimnr235678.jpg


         ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับทุกชุมชนในปัจจุบัน หนีไม่พ้นเรื่องขยะ เพราะจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น หรือชุมชน นั้นๆ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง ที่ชุมชนบ้านบุ่งหวาย หมู่ 19 บ้านบุ่งหวายกลาง ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ก็ประสบกับปัญหาขยะล้นชุมชนเช่นกัน ชาวบ้านจึงรวมตัวกันในชื่อ "กลุ่มเครือข่ายไม้กวาดทองบุ่งหวาย19" โดยได้รับการสนับสนุน จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในชุดโครงการสร้างเสริมสุขภาพอย่างง่ายใน 5 ประเด็น ได้แก่ ยาสูบ, แอลกอฮอล์, เกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพ, อาหารปลอดภัยในโรงเรียน และการจัดการขยะ


          จากการสำรวจปริมาณขยะของชุมชนบ้านบุ่งหวาย หมู่ที่ 19 ทั้งหมด 150 ครัวเรือน พบว่ามีปริมาณขยะสะสมสัปดาห์ละ 750 กิโลกรัม เฉลี่ยครัวเรือนประมาณ 5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ แยกชนิดเป็นขยะแห้ง 1 กิโลกรัม (ร้อยละ 20) ขยะเปียก 4 กิโลกรัม (ร้อยละ 80) ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนขาดความรู้และขาดแนวทางการจัดการขยะที่ถูกต้อง และไม่มีระบบบริหารจัดการเรื่องขยะเลย ปล่อยให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น จนก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชน


          สสส. ให้การสนับสนุนในโครงการเมนูอย่างง่ายครั้งนี้ เพื่อดำเนินโครงการฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญของชุมชนบ้านบุ่งหวายกลางที่จะได้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนมีความรู้/ความตระหนักและเกิดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการขยะที่ถูกต้อง ตอลดจนลดปริมาณขยะในชุมชน นำไปสู่ชุมชนที่มีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ สำหรับกิจกรรม เบื้องต้นได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อวางแผนการดำเนินงาน จากนั้นได้นัดประชุมแกนนำและประชาชนในชุมชน เพื่อมาพูดคุยถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขร่วมกัน และแผนงานโครงการตลอดจนแนวทางขับเคลื่อนกระบวนการจัดการขยะในชุมชน พร้อมจัดตั้งคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการ และได้มีการแบ่งฝ่ายออกเป็น 5 ฝ่ายหลักคือ 1.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 2.ฝ่ายจัดทำเครื่องและข้อมูล 3.ฝ่ายจัดส่งเอกสารจัดเก็บข้อมูล 4.ฝ่ายคัดแยกและจัดซื้อ และ 5.ฝ่ายสร้างความตระหนักและติดตาม


          นายรัฐชนนต์ โสศรีสุขข์ ผู้รับผิดชอบโครงการการจัดการขยะในชุมชนบ้านบุ่งหวาย หมู่ที่ 19 กล่าวว่า โครงการนี้ ผู้นำท้องถิ่น/แกนนำชุมชนโดยเฉพาะประชาชนคนในชุมชนให้ร่วมมือและความสำคัญกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก การแบ่งบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบตามความถนัด มีการบันทึกข้อมูลขยะ ปริมาณขยะและประเภทขยะ มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อหอกระจายข่าวของหมู่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน จัดเวทีประชุมเพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินกิจกรรม


          คณะทำงานยังทำป้ายประชาสัมพันธ์ตามมุม 4 แยกกลางชุมชน จัดอบรมเสริมความรู้เรื่องการจัดการขยะ ตลอดจนเสริมทักษะการจัดการขยะในครัวเรือนและการใช้ประโยชน์จากขยะ บรรยายประกอบกับการสาธิต ทดลองปฏิบัติการทำน้ำหมักส่วนผลที่ได้รับนั้น ชาวบ้านนำพวกเศษผักหรือเศษอาหารไปทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้กับรดพืชผักไร่สวน/data/content/25825/cms/e_bdlnortuy127.jpgหรือนา และขยะปลายจากทางมะพร้าวก็นำกลับมาใช้เป็นเชื้อไฟสำหรับการหุงต้มและทำอาหาร นอกจากนี้ยังจัดตั้งธนาคารขยะโดยใช้ศาลากลางหมู่บ้านหมูที่ 19 เป็นศูนย์กลางคัดแยกขยะและรับซื้อขยะในทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน และที่สำคัญกระบวนการคัดแยกขยะเบื้องต้นได้มีการคัดแยกมาตั้งแต่ระดับครัวเรือนแล้วและเมื่อได้ปริมาณมากพอก็ประสานพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ในทุกวันที่ 16 หรือ 17 ของทุกเดือน


          กิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณขยะในชุมชนลดลงร้อยละ 70 ธนาคารขยะมีเงินทุนหมุนเวียนที่สามารถอยู่ต่อไปได้แม้จะจบโครงการฯไปแล้วด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า ถนนรอบๆ หมู่บ้านสะอาดปราศจากขยะ ปริมาณมลพิษทางน้ำลดลง แหล่งน้ำในชุมชนสะอาด เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำจืดชนิดต่างๆ ประชาชนมีความรู้ ความตระหนัก และเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการขยะที่ถูกต้อง โดยหันมาใช้วิธีการคัดแยกขยะ และทำปุ๋ยหมักแทนการเผาทำลายเกิดการจัดการขยะอย่างถูกวิธี และมีการคัดแยกขยะ การทำปุ๋ยหมักจากขยะ มีการจัดตั้งธนาคารขยะ ของบ้านบุ่งหวายหมู่ที่ 19 นอกจากนี้ สิ่งแวดล้อมที่ดียังเอื้อต่อสุขภาพ ซึ่งจะนำไปสู่ชุมชนน่าอยู่


          ทางด้าน นายประยูร อองกุลนะ กรรมการบริหารแผนสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สสส. กล่าวว่า ชาวบ้านรู้แล้วว่าขยะเริ่มจากครัวเรือน แต่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชุมชนและท้องถิ่นได้ การรวมกลุ่มดูแลบ้านเรือนของตัวเองให้ปลอดจากขยะถือเป็นการใช้ขยะมาเป็นพลังให้เกิดความรักความสามัคคี เช่น เกิดธนาคารขยะ เกิดการรวมกลุ่มนำขยะที่สามารถรีไซเคิลแล้วเอาไปขายเพื่อสร้างรายได้ในระดับหมู่บ้าน นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า ขยะเกิดขึ้นมาจากทุกคนเมื่อทุกคนช่วยกันปัญหาขยะก็จะหมดไป


          "ผมคาดหวังว่าน่าจะมีนักวิชาการ หรือผู้ที่มีความรู้ระดับท้องถิ่น มาศึกษาวิจัยว่า ขยะเปียกในบ้านรวมๆ กันหลายครัวเรือนระดับหมู่บ้าน นำเข้าโรงบำบัดขยะเปียก มีเตา หรือเครื่องมือการผลิตอัดเป็นเม็ด เป็นปุ๋ยอินทรีย์เม็ดเพื่อขายหรือจำหน่ายในชุมชน น่าจะเป็นมติหนึ่ง และถ้าชุมชนไหนมีขยะเปียกมากเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป หน่วยงานภาครัฐน่าจะเข้ามาช่วยเสริมเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติที่มั่นคงและพัฒนาต่อไปได้" นายประยูร แนะนำ


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ