‘ทุ่งวัวแดง’ ชุมชนน่าอยู่ปลอดขยะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
'ทุ่งวัวแดง' ชุมชนน่าอยู่ปลอดขยะ ส่งเสริมคัดแยก สู่การออมเพิ่มรายได้
การสะสมขยะจากแต่ละครัวเรือนเมื่อนำมาทิ้งรวมกัน ย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่อชุมชนและสังคม โดยเฉพาะ บ้านทุ่งวัวแดง หมู่ 3 ต.แม่ใส อ.เมือง จ.พะเยา เป็นชุมชนที่ไม่มีทั้งที่เก็บขยะและรถเก็บขยะ ซ้ำยังอยู่ติดลำน้ำสาขาของกว๊านพะเยา การจัดการขยะจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกว๊านพะเยาคือแหล่งน้ำดิบที่ป้อนเข้าระบบประปาของจังหวัด
นายพายัพ ยาเย็น กำนันตำบลแม่ใสและหัวหน้าโครงการชุมชนน่าอยู่บ้านทุ่งวัวแดง เล่าว่า ภาพรวมของ ต.แม่ใส ชาวบ้านประสบปัญหาไม่มีที่ทิ้งขยะ จึงทิ้งตามไหล่ทาง หรือทิ้งเรี่ยราดทั่วไป เมื่อฝนตกน้ำหลาก ขยะก็ไหลกลับเข้ามาในหมู่บ้านซ้ำยังทำให้น้ำเสีย บ้างทิ้งลงลำคลอง จนขยะไหลไปที่กว๊านพะเยา หรือบางคนก็จัดการโดยการเผา ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น จึงได้ปรึกษากับหลายฝ่าย เพราะตระหนักดีว่าทุ่งวัวแดง เป็นหมู่บ้านต้นน้ำ
"โชคดีที่ได้ทำโครงการชุมชนน่าอยู่กับทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนัก 6 จึงได้งบประมาณในการจัดอบรม ให้ความรู้แก่แกนนำและชาวบ้าน ในการคัดแยกขยะ ตลอดจนทำกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์ ทำให้ชาวบ้านสามารถคัดแยก จัดการขยะ และมองเห็นว่าขยะสร้างรายได้ เริ่มจากขยะบุญที่ให้ชาวบ้านคัดแยกขยะมาบริจาค แล้วใช้เครื่องจักรบดอัด พอขายได้ก็จะมีเงินกองกลางที่นำไปใช้ในกิจการของชุมชน เช่น ซื้อของเยี่ยมผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และตอนนี้กำลังเริ่มต้นธนาคารขยะ โดยทุกสิ้นปีจะมีการปันผลกำไรจากการขายขยะและผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากขยะ คืนให้สมาชิก ทำให้ทุกคนมองเห็นประโยชน์จากขยะได้ชัดยิ่งขึ้นต่อไปก็จะไม่ทิ้งเรี่ยราดอีก" กำนันพายัพ อธิบาย
นอกจากนี้ ยังมีการทำประชาคมทั้งตำบล ออกกฎกติกาของ ต.แม่ใส เรื่องการทิ้งขยะ ถ้าเจอคนทิ้งข้างถนน และมีหลักฐานถูกปรับ 2,500 บาท ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่าคนในตำบลไม่กล้าทิ้ง แต่มีคนจากตำบลอื่นมาทิ้ง จับได้ 6 ราย และถ้าสังเกต 2 ข้างทาง หรือบริเวณหน้าบ้านแต่ละหลังโดยเฉพาะในพื้นที่บ้านทุ่งวัวแดง ไม่มีถุงดำวางแล้ว เกือบทุกครัวเรือนคัดแยกขยะบริหารจัดการภายในครัวเรือนและชุมชนของตนเองได้
ด้าน นางนงคราญ นักหล่อ สมาชิกสภาผู้นำชุมชนบ้านทุ่งวัวแดง และผู้รับผิดชอบโครงการชุมชนน่าอยู่บ้านทุ่งวัวแดง เล่าว่า เมื่อก่อนชาวบ้านไม่รู้ ก็เผาขยะ ทิ้งขยะเรี่ยราดไปทั่ว พอเริ่มต้นทำโครงการ จึงยากพอสมควร ต้องคอยพูด แนะนำ ปรับความเข้าใจให้ตรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงใช้หลายวิธีการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาศัยกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กับกลุ่มแกนนำ และแม่บ้าน นำร่องอบรม ปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงผ้าไปจ่ายตลาด ปฏิเสธถุงพลาสติก ไปไร่ไปสวนใช้ปิ่นโตใส่กับข้าว เป็นต้น
"ต่อมาก็ให้หัวหน้าคุ้มบ้านช่วยดูแลสมาชิกในแต่ละคุ้ม ว่ามีการคัดแยกขยะในครัวเรือนหรือไม่ ถ้าบ้านไหนยังไม่ทำ ก็ชวนเขามาคุย แนะนำว่าขยะคือเงินทอง ถ้าคัดแยกแล้วจะขายเป็นเงินได้ กลุ่มผู้นำต้องคอยให้คำปรึกษา หมั่นไปเยี่ยมเยียนที่บ้านหากบ้านไหนทำได้ก็แสดงความชื่นชม คัดเลือกบ้านต้นแบบ พร้อมกันนั้นก็ขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มเด็ก เยาวชน ให้เข้าร่วมอบรม ความรู้ ผลกระทบจากขยะต่อสุขภาพสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะเพื่อให้กระจายการปฏิบัติสู่รั้วโรงเรียน ครอบครัว ขณะเดียวกันเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ร่วมรณรงค์ ออกเยี่ยมบ้านทุกหลังคาเรือนร่วมกับสภาผู้นำ และ อสม.อีกด้วย" ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าว
จากความพยายามกำจัดขยะตอนนี้เกิดการรวมกลุ่มอาชีพขึ้นหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่บ้านทำน้ำยาอเนกประสงค์ กลุ่มทำปุ๋ยจากขยะอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ กลุ่มทำน้ำหมักชีวภาพ กลุ่มปลุกผักปลอดสาร หรือกลุ่มขยะรีไซเคิล ใช้ขวดน้ำ กล่องกะทิ กล่องโฟม ที่พ่อค้าไม่รับซื้อ เก็บซักล้างให้สะอาดเมื่อมีกิจกรรมในหมู่บ้าน อย่างการแข่งขันกีฬา ก็นำมาประดิษฐ์เป็นหมวก ชุดเสื้อผ้าดอกไม้ ไว้ใช้ได้อย่างสวยงาม
ขณะที่ นางลออ มหาวรรณศรี ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.แม่ใส เล่าว่า หลังจากที่ อบต.แม่ใส ทำประชาคมในตำบลเรื่องการจัดการขยะเน้นการมีส่วนร่วม รณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะ ใช้วิธีการขยะบุญ รับบริจาคขยะประเภทเหล็ก แก้ว กระดาษ ได้ผลระดับหนึ่งส่วนขยะประเภทอื่น เช่น ขยะอินทรีย์ที่ย่อยสลาย เน้นการจัดการที่ครัวเรือน และขยะติดเชื้อ ทาง รพ.สต.จะรับดูแล ที่มีปัญหาคือขยะอันตราย เมื่อก่อนชาวบ้านนำไปทิ้งตามหัวไร่ปลายนา แต่ตอนนี้ อบต.แม่ใส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความรู้ว่าถ้าทิ้งเรี่ยราดก็จะไหลลงแหล่งน้ำคือกว๊านพะเยา ที่หล่อเลี้ยงคนผู้คนในท้องถิ่น กลายเป็นการสร้างมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก
"ดำเนินการได้ระยะหนึ่งพบว่ายังมีขยะพลาสติก ที่มีปัญหาอยู่ จึงรณรงค์ให้ชุมชนเลิกใช้พลาสติก โฟม ที่มีอยู่แล้วให้คัดแยก โดยประสานกับบริษัทเอกชนข้างนอกเข้ามารับซื้อ เริ่มแรกชาวบ้านอ้างทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำมาก่อน ผู้นำต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง และปรับเปลี่ยนจากขยะบุญ มาเป็นธนาคารขยะ เปิดทุกวันที่15 ของเดือน ซึ่งชาวบ้านจะหิ้วขยะจากบ้านมาฝากถึงที่ โดยมีเยาวชนต้นกล้าความดีร่วมกับสภาผู้นำฝ่ายบริหารจัดการขยะ มาคอยรับขยะที่ลานธนาคารในหมู่บ้าน ช่วยลดภาระลงได้มาก" นางลออ กล่าว
ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน คือ สามารถลดปริมาณขยะรีไซเคิลได้ถึง 10 ตัน ในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนขยะอินทรีย์แม้จะยังไม่ได้คำนวณ แต่ตามหลักสากล ถ้าครัวเรือนสามารถกำจัดขยะอินทรีย์ได้ ก็เท่ากับช่วยลดขยะได้ถึง 60% ของขยะทั้งหมด ชุมชนทุ่งวัวแดงจึงสะอาด น่ามอง ด้วยความตระหนัก และร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนเอง