ทำไม..ต้องปลุกใจเมืองท่าพระ?
ที่มา : แฟนเพจ Spark U อีสานบ้านเฮา
ภาพประกอบจากแฟนเพจ Spark U อีสานบ้านเฮา
ทำไม..ต้องปลุกใจเมืองท่าพระ?
นายพิสุทธ์ อนุตรอังกูร นายกเทศบาลตำบลท่าพระ บอกว่า ชุมชนท่าพระเป็นหนึ่งในผู้ร่วมโครงการสปาร์คยู ถือได้ว่าได้รับกิจกรรมดี ๆ เกิดขึ้นในพื้นที่ อย่างเช่น มีตลาด 100 ปีท่าพระ มีการผลิตหนังสั้น ใช้ในการขยายผลเป็นสื่อที่ใช้ในการบอกเล่าว่าท่าพระมีอะไรบ้าง มีกิจกรรมฝึกอาชีพสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เข้ามาเล่าเรื่อง และสะท้อนตัวตนเราผ่านการใช้โครงการสปาร์คยู เมื่อเข้าสู่ปีแรกเราประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม เพราะเราได้เปิดตลาดร้อยปีท่าพระ ได้รับเกียรติจากท่าผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มาเปิดโครงการให้และด้วยการเป็นมิติของการพัฒนาร่วมกันจึงทำให้ท่าพระได้รับการบรรจุเข้าเป็นตลาดวัฒนธรรมของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้บรรจุ และเราก็ได้รับรางวัล ปีนี้ก็เป็นร่องรอยแห่งความสำเร็จ เมื่อเข้าสู่ปีที่สองเราต้องการที่จะปลุกพลังกลุ่มเยาวชนให้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมเพื่อเตรียมพร้อมปลุกความเป็นตัวตนของเรา
“ผมมองว่าตัวผมเองอยู่ช่วงวัยรุ่นตอนปลายต่อไปก็มีแนวโน้มที่จะอายุมากขึ้น และการถ่ายทอดให้แก่เด็กรุ่นใหม่ เราก็อยากจะปลุกคนรุ่นใหม่เตรียมพร้อมเพื่อสร้างประโยชน์เป็นแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนโครงการ และยังช่วยพัฒนาท้องถิ่นอีกด้วย ก็เลยเอาโครงการสปาร์คยูปีที่สองเข้ามาจัดกิจกรรม ทำให้เราเกิดกิจกรรมขึ้น 3 กิจกรรมใหญ่ ซึ่งกิจกรรมที่เราทำก็คือ กิจกรรมการผลิตหนังสั้น ใช้เป็นสื่อโดยเป็นตัวเด็กและเยาวชนได้เป็นผู้ริเริ่มที่จะนำประเด็นที่มีสาระสำคัญไม่ว่าจะเป็นส่วนของ ของดีท่าพระแล้วนำมาขยายผลแล้วทำเป็นหนังสั้นเพื่อให้คนที่มีความสนใจเข้ามาศึกษา ใช้สื่อตัวนี้ให้เป็นประโยชน์และใช้ศึกษาท่าพระไปพร้อมกัน
กิจกรรมที่สองคือ การฝึกเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ที่จะนำเสนอถึงประโยชน์ของท้องถิ่น ทำให้เด็กและเยาวชนเขารู้ตัวตนว่าเป็นอย่างไร และให้เขามาเป็นผู้สะท้อนความเป็นตัวตนของพวกเราและก็เพื่อที่จะถ่ายทอดให้คนอื่นๆได้รู้จักด้วย และมีกิจกรรมสุดท้ายคือ กิจกรรมการฝึกอาชีพ โดยให้เด็กและเยาวชนได้มาร่วมฝึกอาชีพด้วยกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งสิ่งที่ทำก็จะเกี่ยวกับภูมิปัญญาของท่าพระสะท้อนวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ถึงแม้ว่าท่าพระจะเป็นชุมชนในเมืองแต่เราก็อยากจะอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นของเราไว้ ซึ่งประเพณีท้องถิ่นของเรานั้นค่อนข้างที่จะมีตัวตนที่ชัดเจน เราก็เลยมองว่าสิ่งที่สำคัญเลยก็คือการถ่ายทอดเพื่อที่จะปลุกใจเด็กและเยาวชนว่าเราจะทำอย่างไรให้ตัวตนของเราสะท้อนออกสู่สังคมมากที่สุด”นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูร กล่าว