ทำสวย-ทำหล่อ บริจาคโลหิตได้หรือไม่ ?
ที่มา : ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
เรื่องของความสวยงามกับคุณสุภาพสตรีมักเป็นของคู่กัน แต่ในยุคปัจจุบันคุณสุภาพบุรุษได้เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพื่อคงไว้ซึ่งความอ่อนเยาว์ และความกระจ่างใสของผิวพรรณและใบหน้า ตัวช่วยในการเพิ่มความสวย ความหล่อ เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากยิ่งขึ้น หลายๆคนคงนึกถึงการเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่เรียกว่า หัตถการความงาม
วันนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จะชวนทุกท่านมาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกันว่า “คนสวยหล่อ ใจบุญ สามารถบริจาคโลหิตได้หรือไม่?” หัตถการแบบไหนสามารถบริจาคโลหิตได้ทันทีหลังเข้ารับบริการ หรือแบบไหนต้องงดบริจาคโลหิต และต้องเว้นระยะเวลานานแค่ไหน มาไขข้อสงสัยกันได้เลย
ทำทรีตเมนต์ ยกกระชับผิว: หลังเข้ารับบริการสามารถบริจาคโลหิตได้
การรักษาสิว กระ จุดด่างดำ ขี้แมลงวัน ริ้วรอย แผลเป็น เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง ติ่งเนื้อ หูด ปาน ไฝ รอยสัก และกำจัดขนด้วยเลเซอร์: หากไม่มีการอักเสบหลังเข้ารับบริการ สามารถบริจาคโลหิตได้ แต่ถ้ามีการอักเสบ รอให้แผลหายดีก่อนจึงจะบริจาคโลหิตได้
การฉีดวิตามิน ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดเมโส ฉีดกลูตาไธโอน ปรับรูปหน้าเรียว วีเชฟ กดสิว ฉีดสิว ร้อยไหม: หากเสริมความงามจากคลินิกทั่วไป หรือสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล หลังเข้ารับบริการให้งดบริจาคโลหิต 4 เดือน แต่ถ้าทำด้วยเทคนิคปลอดเชื้อที่โรงพยาบาล สามารถบริจาคโลหิตได้
รับประทานยารักษาสิว (Anti-acne)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ที่ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกรณีสิว ได้แก่ เตตราซัยคลิน (tetracycline) คลินดาไมซิน (clindamycin) มิโนไซคลีน ( minocycline) ด็อกซีไซคลิน(doxycycline) อีรีโทรมัยซิน (erythromycin) ไลมีไซคลีน (lymecycline) และ ออกซีเตตราไซคลีน (oxytetracycline) เป็นต้น ในกรณีเป็นสิวที่ไม่มีการอักเสบ แต่มีการใช้ยาทั้งชนิดรับประทานและทาผิวหนัง หรือใช้ทาผิวหนังเพียงอย่างเดียว หลังใช้สามารถบริจาคโลหิตได้ แต่!! หากอยู่ระหว่างการใช้ยาเพื่อรักษาภาวะอักเสบของสิว ต้องรอจนกว่าอาการอักเสบหายดีแล้ว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ และใช้ยาครบจำนวนตามสั่งของแพทย์ มาแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จึงจะบริจาคโลหิตได้
- ยา Retinoids (กลุ่มอนุพันธ์วิตามิน เอ) : ต้องงดบริจาคโลหิตชั่วคราว เนื่องจากยาในกลุ่มนี้ มีผลทำให้เกิดความพิการของทารกในครรภ์ได้ มีเงื่อนไขการหยุดยาก่อนการบริจาค ดังนี้
- ยา Isotretinoin ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- ยา Acitretin ต้องหยุดยาอย่างน้อย 2 ปี
- ยา Etretinate งดบริจาคโลหิตถาวร
รับประทานอาหารเสริม และ สมุนไพร: วิตามินทุกชนิด เวย์โปรตีน แอลคาร์นิทีน คอลลาเจน กลูตาไธโอน เลซิติน อี อาหารเสริมที่มีไบโอติน ฟ้าทะลายโจร โสม ถั่งเช่า สามารถบริจาคโลหิตได้
แต่หากเป็นน้ำมันตับปลา น้ำมันปลา และขมิ้นชัน ต้องงด 3 วัน ก่อนบริจาคโลหิต เพราะมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด
รู้อย่างนี้แล้ว คนสวยหล่อ ใจบุญ ไม่ต้องกังวลใจไป ขอเพียงปฏิบัติตามเกณฑ์การรับบริจาคโลหิต แล้วเตรียมร่างกายให้พร้อมทุกครั้งที่บริจาค โลหิตของเราก็จะมีคุณภาพ เพียงพอที่จะช่วยต่อลมหายใจให้ผู้ที่เจ็บป่วยได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการบริจาคโลหิตยังมีประโยชน์อีกมากมายต่อตัวผู้บริจาคเองด้วย ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าการบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง ทั้งยังช่วยเพิ่มไขมันดี ยับยั้งการทำลายหลอดเลือดของไขมันไม่ดี
ที่สำคัญยังช่วยลดการสะสมของเหล็กที่ผิวหนัง ซึ่งช่วยทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส และชะลอความร่วงโรยของผิวหนัง ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยเสริมสุขภาพ และความงามอีกด้วย “ให้โลหิต ให้ชีวิต ให้ประจำ ทำได้ทุก 3 เดือน” พร้อมแล้วเราไปบริจาคโลหิตกันเลย