ถึงเวลาทบทวนยกเครื่องประกันสังคมสู่องค์กรอิสระ
น.ส.วิไลวรรณ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับบูรณาการแรงงาน ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกันตน และเครือข่ายภาคประชาชน จะต้องหาทางออกร่วมกัน ในการปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ไปสู่ความเป็นองค์กรอิสระ เพื่อการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และผู้ประกันตนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพื่อการมีหลักประกันทางสังคมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมายประกันสังคม ฉบับบูรณาการแรงงาน จำนวน 20,000 รายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2553 ที่สำนักงานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยหรือที่ http://voicelabour.org
ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยงรอง สสส. กล่าวว่า ยินดีที่พรรคการเมืองสนับสนุน เรื่องประกันสังคมเป็นเรื่องที่ทำมานาน ที่ผ่านมา การมีส่วนร่วมของประชาชนมีน้อย ต้องมีแรงงานเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารกองทุน อยู่บนหลักการของประชาธิปไตยและเป็นไปได้เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ลดความเหลื่อมล้ำการปรับปรุงประกันสังคมจะทำให้กลุ่มต่างๆ ได้รับการดูแลจากรัฐมากขึ้น ก็ขอขอบคุณ ส.ส.ทั้งหมด ที่จะช่วยสนับสนุน ซึ่งขั้นตอนก็ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาต่อไป เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน วันนี้คงเป็นเวทีที่ภาคแรงงานทุกคนพร้อมจะเข้ามาเรียนรู้แลกเปลี่ยน ทราบว่าแผนงานคุณภาพชีวิตแรงงาน คาดหวังจะให้มีการรวมพลังของแรงงานทุกภาคส่วน รวมทั้ง แรงงานข้ามชาติด้วย ซึ่งมีส่วนผลักดันการพัฒนาของประเทศไทย เพื่อให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปรึกษา กมธ.การแรงงานสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญของผู้ใช้แรงงานมากที่สุดยุคหนึ่งจึงมีกฎหมายแรงงานหลายฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ฝากมายังวงสัมมนานี้ด้วยว่า 1. รัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็งของ สปส.ร่วมกับนายจ้างและลูกจ้าง เพราะแม้ว่าจะมีเงินมากที่สุด คือ 7 แสนกว่าล้านบาท แต่ใช่ว่าจะเพียงพอต่อการรองรับบำเหน็จบำนาญชราภาพ ที่กองทุนนี้จะเข้าไปจ่าย แนวโน้มจะเหมือนว่า รับมา 6 บาท แต่จ่าย 20 และหากเป็นองค์กรอิสระ โดยไม่มีการช่วยเหลือ ทั้งนโยบายและงบจากรัฐ พร้อมหรือไม่ที่จะรับความเสี่ยง นี่คือสิ่งที่รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานฝากมาถึงผู้ใช้แรงงาน 2. ต่อไป ทิศทางในการบริหารงานของรัฐบาลอาจจะต้องขับเคลื่อนให้ สปส.เข้าสู่ระบบรัฐสวัสดิการเต็มรูปแบบ การบริหารกองทุนต้องทำให้มีดอกผล เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในอนาคต
นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย รองประธาน กมธ.การแรงงานสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า สภาจะปิดประชุมวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ และจะเปิดอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองยุบสภาก็เลิกกัน พิจารณาอะไรไม่ได้ ดังนั้น วันนี้จึงต้องไปเร่งรัดกระทรวงแรงงาน ให้บรรจุร่างนี้ของรัฐบาลให้เร็ว เพราะทราบว่า ยังติดขัดอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนเรื่องอคติของฝ่ายการเมืองต่อองค์กรอิสระ จะเป็นอิสระอย่างไร ต้องคิด เพราะองค์กรอิสระต้องอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงแรงงาน ในที่สุด ก็จะมีปัญหาเหมือนเดิมคือสภาก็จะตีตกเรื่ององค์กรอิสระ เมื่อไปถึงวุฒิสภา หากเห็นต่างก็ต้องตีกลับมาที่สภา ก็จะต้องตั้ง กมธ.ร่วมอีก
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update : 01-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน