ต.หลักหก ปทุมธานี ประสานพลังมหาวิทยาลัย-ชุมชน เตรียมแผนรับ “น้องน้ำ”

 

ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 และ 7 หมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงถึง 2-3 เมตรยาวนานกว่า 2 เดือนปัญหาที่เกิดเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้หน่วยงานต่างๆ และคนในชุมชนลุกขึ้นมาร่วมมือกันเตรียมแผนรับมือน้ำท่วมระยะยาวจนเกิดเป็นโครงการ “รักชุมชนหลักหกเฝ้าระวังอุทกภัยร่วมใจฟื้นฟูยั่งยืน” โดยมีมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นแกนนำ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. พร้อมด้วยคณะกรรมการ สสส. และสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการฯพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับผู้นำ 7 หมู่บ้านในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมรับอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทพ.กฤษดากล่าวว่า โครงการนี้เป็นต้นแบบหนึ่งที่สำคัญของโครงการ “มหาวิทยาลัยช่วยเหลือชุมชนที่ประสบอุทกภัย” ซึ่งเป็นโครงการที่ สสส. ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศ 20 โครงการรวมถึงหลายเขตใน กทม. สสส. ก็พยายามเข้าไปกระตุ้นเพื่อให้เกิดการจัดการที่ดีเพราะก่อนเกิดเหตุหากไม่มีแผนต่างคนก็ต่างอพยพทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายแต่หากทุกหมู่บ้านทุกตำบลมีแผนเป็นของตัวเองเมื่อยามมีภัยมาเชื่อว่าจะสามารถลดความรุนแรงจากวิกฤตได้อย่างมาก

ดร.เจริญวิชญ์ หาญแก้ว ประธานคณะทำงานโครงการ “รักชุมชนหลักหกเฝ้าระวังอุทกภัยร่วมใจฟื้นฟูยั่งยืน” เล่าถึงขั้นตอนการทำงานว่าเริ่มดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคมโดยลงพื้นที่สำรวจจัดทำผังชุมชนและจัดทำฐานข้อมูลด้านสุขภาวะชุมชนเช่นจำแนกอายุประวัติการเจ็บป่วยจากนั้นมีการจัดเวทีชุมชน 10 ครั้งซึ่งมีการนำข้อมูลที่ได้จากการแลกเปลี่ยนและนำไปสู่การประเมินจัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัยจุดรวมพลจุดรับความช่วยเหลือและจุดอพยพที่เหมาะสมของแต่ละหมู่บ้านโดยจะมีการจัดทำคู่มือฉบับชุมชนซึ่งเข้าใจได้ง่ายรวมทั้งมีการอบรมการอ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น ผังชุมชนที่แสดงข้อมูลรายละเอียดของแต่ละบ้านไว้และมีการทำแผนที่แบบ 3 มิติซึ่งในเดือนพฤศจิกายนจะมีการอบรมชาวบ้านในการอ่านเครื่องมือต่างๆ ด้วย “บรรยากาศเวทีชุมชนทุกหมู่บ้านได้รับความร่วมมือจากผู้นำและชาวบ้านเป็นอย่างมากแสดงให้เห็นถึงพลังชุมชนที่เข้มแข็งบางชุมชนมีการจัดอาสาสมัครเครือข่ายดูแลซึ่งกันและกันเรียกว่า “แม่นก” โดยช่วยเหลือกันเองระหว่างบ้านใกล้เรือนเคียง” ดร.เจริญวิชญ์เล่าอย่างภูมิใจ

ธนพร อิษฐานนท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 สะท้อนว่าชาวบ้านหมู่ 1 ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนพื้นที่ติดคลองทุกๆ ด้านทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ก่อนหมู่อื่นๆโชคดีที่เทศบาลทหาร ม.รังสิตและหลายๆ หน่วยงานให้การช่วยเหลือเยียวยาและหลังจากวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไปก็ยังให้การช่วยเหลือเตรียมพร้อมเช่นลอกผักตบชวาทำความสะอาดลงพื้นที่สำรวจชุมชนเพื่อทำแผนรับมือน้ำท่วม

“ถือว่าชุมชนให้ความร่วมมือดีมากเพราะเรามีประสบการณ์ที่ยากลำบากร่วมกันและช่วยให้เราตื่นตัวในการที่จะช่วยเหลือป้องกันตนเองเชื่อว่าครั้งนี้หากเกิดภัยธรรมชาติเราจะมีความพร้อมในการจัดการมากขึ้นเพราะได้มีการพูดคุยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบทำความเข้าใจกันแล้ว”เมื่อมีการเตรียมพร้อมแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจเมื่อต้องประสบอุทกภัยหรือภัยพิบัติอื่นก็น่าเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความเสียหายน้อยที่สุด

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 

Shares:
QR Code :
QR Code