ตามรอยพอเพียงชุมชนต้นแบบความดี

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ชุมชน จ.เชียงราย ยังพอทำให้เห็นกระบวนการ “ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ” ในการสร้างนามธรรมความพอเพียงและความดีให้เป็น “รูปธรรม” ด้วยธนาคารความดี (สุขภาพดี มีคุณธรรม) บ้านเหมืองหลวง หมู่ 9 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนทำความดีหลากหลายด้าน ทำเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเชิงคุณธรรม โดยดัดแปลงใช้กระบวนการสะสมในรูปแบบธนาคาร

ตามรอยพอเพียงชุมชนต้นแบบความดี

ที่น่าสนใจ คือ โน้มน้าวให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม เช่น หากร่วมงานบุญต่างๆ ได้ 5 คะแนน เสียสละแรงกาย แรงทรัพย์ บริจาคทำบุญได้ 5 คะแนน การปฏิบัติธรรมได้ 5 คะแนนการตำข้าวกล้องรับประทานเอง ปลูกผักรับประทานเองในครัวเรือนการออกกำลังกายได้5 คะแนน หรือการละเว้นการดื่มเหล้าเบียร์ เลิกบุหรี่ ยาเสพติด ได้ 10 คะแนน เป็นต้น

หลักการ คือ คนในชุมชนจะมีใบนำฝากเมื่อทำความดีแล้วให้มีผู้รับรอง 3 คน ซึ่งเป็นคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์งานบุญนั้น มาฝากเงินและสมุดบัญชีเข้าธนาคารความดี

เงื่อนไขต่อมาคือ คนในชุมชนที่ทำความดีสะสมในบัญชีได้มากกว่า100 ความดีจึงจะเบิกถอนได้ โดยสามารถเบิกถอนออกมาแลกกับสิ่งของ เช่น 10 คะแนน แลกกับแปรงสีฟัน สมุด ปากกา หากมีคะแนนความดีมากๆ สามารถเบิกถอนความดีในจำนวนมากๆ ที่แลกได้กับพัดลม วิทยุ

พ่อหนานพูลสวัสดิ์ ยศมูล พ่อหนานพูลสวัสดิ์ ยศมูล อายุ 71 ปี เล่าถึงโครงการธนาคารความดีว่าผลลัพธ์ทางอ้อมก็เพื่อเป็นการนำเด็กๆในชุมชนเข้ามาสวดมนต์เข้าวัด โดยให้คะแนนเป็นแรงชักจูงใจ

“มีการขยายไป 5-6 หมู่บ้านแล้วตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 18 หมู่บ้าน หลังจากทำโครงการ 3 ปี ชาวบ้านให้ความสนใจ โดยล่าสุดได้เอาคะแนนที่สะสมเป็นความดี 9.8 หมื่นความดีนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงเมื่อ5 ธ.ค.ปีที่ผ่านมาด้วย”พ่อหนานพูลสวัสดิ์ กล่าวโครงการธนาคารความดีนี้ ทำให้เด็กๆ ในชุมชนเข้าวัดวันพระ กราบพระ ทำบุญตักบาตรทุกเช้า เวียนเทียนทำให้บ้านปลอดยาเสพติด ไม่ซ่องสุมการพนัน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มสะสมความดีรวมแล้ว 5.1 หมื่นความดี

ชุมชนเข้มแข็ง “บ้านโป่งศรีนคร”หมู่ 11 ต.โรงช้าง อ.ป่าแดด ซึ่งมี มานพ ชัยบัวคำ กำนันตำบล ซึ่งเผยว่าได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ในการพัฒนาโครงการสุขยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจพอเพียง

“ตั้งแต่วันแรกที่ได้ทุนสุขภาพของชาวบ้านดีขึ้น มีกองทุนสวัสดิการชุมชนโดยสิ่งที่ยืนยันได้ว่าชาวบ้านมีสุขภาพดีขึ้น คือ ปี 2554 กองทุนสุขภาพได้จ่ายไป 3,000 บาท ให้กับ 9 หลังคาเรือนที่เข้ารักษาพยาบาล และไม่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตในหมู่บ้าน ผมบอกได้เลยว่าชีวิตดีขึ้น” กำนันมานพ กล่าว

สำหรับกองทุนสวัสดิการชุมชนนั้น ชาวบ้านทุกคนต้องออมเงินวันละ1 บาท เพื่อใช้เป็นเงินช่วยเหลือชาวชุมชน เช่น คลอดบุตร ได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 500 บาท หากนอนโรงพยาบาลจะได้คืนละ 100 บาท ในขณะที่เสียชีวิตจะได้เงินช่วยเหลือ 10 เท่าจากเงินออมทั้งหมดของสมาชิกคนนั้น กำนันมานพ เผยว่า ปัจจุบันกองทุนสวัสดิการชุมชนมีเงินออมรวมกว่า 4 แสนบาท      

“ถ้าเอาความรู้มาให้ก็เท่านั้น แต่หลักคิด ภูมิปัญญาต่างหากที่จะทำให้ยั่งยืน ผมจะทำให้คนในชุมชนเห็นเป็นตัวอย่าง ตื่นแต่เช้ามาเดินออกกำลังกาย เดินถนนทุกซอกซอย ก็จะรู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร” เขาบอก

หมู่บ้านประชาธิปไตยตัวอย่างนอกจากนี้ บ้านโป่งศรีนครยังได้รับรางวัลให้เป็น “หมู่บ้านประชาธิปไตยตัวอย่าง” จากการให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม อาทิ การงดเหล้าในงานศพ การใช้ใบตองห่อข้าว จุดประทัดในงานศพ ปราสาทที่ใช้ในงานศพ ผ่านประชาคมด้วยการให้ผู้สูงอายุและเด็กอายุตั้งแต่ 20-90 ปี ในชุมชนมาร่วมคุยกันเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน

ชุมชนโป่งศรีนครยังสนับสนุนให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมทุกหลังคาเรือนโดยไม่สนใจตลาด ทำสินค้าให้มีคุณภาพ ในแง่คิดที่ว่าเมื่อสินค้าติดตลาดแล้วลูกค้าจะมาเอง จึงทำให้บ้านแต่ละหลังมีธุรกิจเล็กๆ ในครัวเรือน อาทิ ทำไม้กวาด จักสาน เลี้ยงปลา ไก่ชน ปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น

“จะเห็นได้ว่าบ้านทุกหลังจะต้องปลูกผักครัวเรือน โดยผมให้ข้อตกลงว่าบ้านหลังไหนปลูกผักไว้สามารถเดินไปเด็ดผักได้ทุกครัวเรือน แต่ถ้าใครไม่ปลูกผักแล้วไปเด็ดของบ้านอื่นจะต้องโดนปรับ ทำให้ทุกคนปลูกผักสวนครัวกินกันเอง” กำนันมานพ เผย

นอกจากนี้ รายได้อื่นๆ ยังมาจากธนาคารชุมชน ซึ่งบ้านโป่งศรีนครเป็นแห่งแรกในภาคเหนือที่ได้ทุน 20 ล้านบาท นำมาปล่อยสินเชื่อโดยสามารถปิดบัญชีได้ก่อนครบรอบปี และได้เงินแล้ว 30 ล้านบาท

ตามรอยพอเพียงชุมชนต้นแบบความดี“เราตั้งให้คนในชุมชนเข้ามาดูแลเอง ดึงหนี้นอกระบบเข้ามาในชุมชนการตัดสินใจปล่อยสินเชื่อนั้นอยู่ในรูปแบบคณะกรรมการทั้งหมด นอกจากนี้คณะกรรมการหมู่บ้านจะจัดประชุมสภาผู้นำชุมชนให้ชาวบ้านปกครองกันเอง เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ให้อ่านบันทึกการประชุม หากใครขาด ผมก็จะถามในที่ประชุมว่าต้องการให้อ่านชื่อคนที่ขาดประชุมหรือไม่ ชาวบ้านที่ขาดประชุมมักไม่ชอบให้ใครขานชื่อทำอย่างนี้สัก 2 ครั้ง ก็ไม่มีใครอยากขาดประชุม”กำนันมานพ กล่าว

ตลอดระยะเวลาของการทำโครงการ ภายใต้ผู้นำชุมชนอย่างกำนันมานพ ทำให้บ้านโป่งศรีนครเป็นชุมชนที่พัฒนาตนเองจนมีความเข้มแข็ง เป็นชุมชนต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาได้ถึงทุกวันนี้

เรียกได้ว่าชุมชนที่ชาวบ้าน 90%ทำนาปลูกข้าวรับประทานเอง มีพืชผักสวนครัวทั้งหมู่บ้าน มีบ่อเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ มีอาชีพเสริมในหลายหลังคาเรือน อีกทั้งยังมีธนาคารชุมชนคอยสนับสนุนเป็นทุน ไม่ต้องยึดกับเศรษฐกิจระดับชาติที่ปรวนแปรจากนโยบายรัฐ

นับเป็นตัวอย่างกระบวนการคิดการจัดการในชุมชนที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบที่น่านำมาประยุกต์ใช้ในสภาพข้าวยากหมากแพง เพื่อการอยู่รอดโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร

 

เรื่อง: ธนก บังผล
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

Shares:
QR Code :
QR Code