ตั้งเป้า 9 จังหวัดนำร่อง สวมหมวกกันน็อก 100%
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส.-ศปถ.-สอจร.จับมือ 9 จังหวัดนำร่อง พิชิตเป้าสวมหมวกกันน็อก 100% มุ่งลดตายจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 5-10% ภายใน 10 ปีมียอดคนตายเหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคน
ที่โรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซ่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด (ศปถ.) 9 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร จันทบุรี เชียงราย ยโสธร ระยอง สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี และสุราษฎร์ธานี ทำพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ โครงการพัฒนากลไกจัดการความปลอดภัยทางถนน จากจังหวัดสู่อำเภอและตำบล ปี 2563-2565 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายตำบลขับขี่ปลอดภัยของรัฐบาล
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า สถานการณ์ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนของประเทศไทยจากข้อมูล 3 ฐาน ลดลงจาก 21,745 ราย ในปี 2559 เหลือ 19,904 ราย ในปี 2562 และในปีนี้มีแนวโน้มลดลงจากผลของมาตรการต้านโควิด-19
โดยคาดว่าสิ้นปี 2563 จะมีผู้เสียชีวิตไม่เกิน 16,000 ราย แต่หากมองในระยะยาวตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พบความสูญเสียจากการใช้รถกระทบต่อด้านเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว โดยแต่ละปีมีประชากรวัยเรียนและวัยทำงานเสียชีวิตกว่า 10,000 คน มีผู้พิการถาวรมากกว่า 5,000 คน การแก้ปัญหาจึงควรสร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชนร่วมกับจุดแข็งด้านสาธารณสุข
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ เพื่อให้ 9 จังหวัดนำร่องบรรลุผลในการสร้างความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย ดังนี้ 1.ลดการเจ็บ-ตายจากการขับขี่ เน้นการสวมหมวกนิรภัย 100% 2.พัฒนาศูนย์เด็กทุกแห่งเพื่อบ่มเพาะวินัยความปลอดภัยบนถนน และส่งต่อให้สถานศึกษาในระดับที่สูงขึ้น 3.แก้ปัญหาถนนที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะบนถนนท้องถิ่นที่ยาวถึง 600,000 กิโลเมตร และ 4.สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยลดพฤติกรรมเสี่ยงด้วยพลังของคนในท้องถิ่นท้องที่ ทั้งการตั้งด่าน การเอาจริงกับกติกาชุมชน
ทั้งนี้ หากทำสำเร็จจะทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตลดได้ปีละ ร้อยละ 5-10 และในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ จะสามารถบรรลุเป้าหมายลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือไม่เกิน 12 คน ต่อประชากรแสนคน ได้ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 31 คนต่อประชากรแสนคน
ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส. เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยทางถนนของไทยตามนโยบาย ศปถ. ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชื่อมประสานและเป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่นในการทำงาน ทั้ง “การสนับสนุนกลไกการทำงานแบบบูรณาการ” ที่ถือเป็น “โครงสร้างความปลอดภัยทางถนนของประเทศทั้งในระดับชาติ จังหวัด และท้องถิ่น” สนับสนุนข้อมูลวิชาการ สื่อสารรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ขยายภาคีเครือข่ายความร่วมมือ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สสส. มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน และการแก้ไขจุดเสี่ยงในระดับอำเภอและลงลึกถึงระดับตำบล
โดยในปีนี้ สสส. ได้สนับสนุน “โครงการพัฒนากลไกการจัดการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัดสู่อำเภอและตำบล” ที่สอดรับกับทิศทางนโยบาย “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” ของรัฐบาล ใน 9 จังหวัด ซึ่งจะมีการหนุนเสริมองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพทีมงานระดับจังหวัดลงสู่อำเภอ ดำเนินการป้องกันแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนลงถึงระดับตำบล โดยใช้กลไก สอจร. และศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ในการขับเคลื่อนส่งเสริมให้ 9 จังหวัดดำเนินการตามเป้าหมายทั้ง 4 ข้อ
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธาน สอจร. กล่าวว่า สอจร. เตรียมสร้างแกนนำในจังหวัดนำร่อง และจะขยายผลลึกลงไปสู่แกนนำอำเภอ และแกนนำตำบล ผ่านมาตรการองค์กรต่างๆ การแก้จุดเสี่ยงบนท้องถนน การตั้งด่าน และการสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนน โดยจะใช้ยุทธวิธีการขับเคลื่อน 5 ส 5 ช
ได้แก่ “สหวิชาชีพ สุดเสี่ยง สารสนเทศ ส่วนร่วม สุดคุ้ม” “ชง ชวน เชื่อม ช้อน เช็ก” เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน และที่สำคัญคือต้องมีระบบการกำกับติดตามในทุกพื้นที่ เพื่อประเมินผลการทำงานตลอดระยะทาง ส่วนประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน เช่น การสวมหมวกนิรภัย การขับขี่รถจักรยานยนต์ และการสร้างวินัยในกลุ่มเด็กเล็ก เป็นต้น