ตรวจเข้มห้ามนำเหล้าเข้าอุทยาน

กันคนเมาก่อวิวาท-รบกวนผู้อื่น

 

          กรมอุทยานแห่งชาติฯ ออกกฎเหล็กห้ามนักท่องเที่ยวนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเข้าไปในเขตอุทยานทุกแห่งทั่วประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ทันที พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจรถนักท่องเที่ยว ป้องกันผู้ฝ่าฝืน

 

ตรวจเข้มห้ามนำเหล้าเข้าอุทยาน

 

 

          เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และ นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงข่าวสถานการณ์การท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม – 5 มกราคม 2554 และมาตรการการบริการดูรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ

 

          นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้ออกประกาศกรมอุทยานฯ เรื่องห้ามไม่ให้นำเข้าหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการส่งเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยวและรบกวนสัตว์ป่า ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคมนี้ และบังคับใช้ตลอดไป หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

          นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า นับตั้งแต่นี้อุทยานทุกแห่งจะปลอดแอลกอฮอล์ตลอดไป ไม่เฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่เท่านั้น เพราะอยากให้อุทยานเป็นสถานที่พักผ่อนที่เป็นธรรมชาติจริงๆ แม้จะเคยขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวห้ามนำเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาในอุทยานแล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเข้าไป ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น จึงอยากให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าจากนี้ไปอุทยานจะเป็นเขตปลอดแอลกอฮอล์ ใครฝ่าฝืนก็มีความผิดตามกฎหมาย

 

          ด้านนายสุนันต์ กล่าวว่า หากพบเจ้าหน้าที่ดื่มเหล้าในเขตอุทยานหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับนักท่องเที่ยวจะมีมาตรการลงโทษทางวินัย ร้านค้าสวัสดิการทางกรมอุทยานฯ ก็ห้ามขายอยู่แล้ว ถ้าหากพบการจำหน่ายแอลกอฮอล์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ หัวหน้าอุทยาน หรือผู้เกี่ยวข้องต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพราะในเมื่อใช้กฎหมายกับนักท่องเที่ยวแล้ว เจ้าหน้าที่ของอุทยานก็ไม่สามารถดื่มเครื่องของมึนเมาในเขตอุทยานได้เช่นกัน

 

          ดังนั้นการออกประกาศนี้ก็มีผลกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานด้วย ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวพบเห็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเขตอุทยาน ก็สามารถโทร.แจ้งสายด่วน 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ตามกฎหมายได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่อุทยานจะทำการตรวจค้นรถนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าอุทยานว่ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซุกซ่อนมาด้วยหรือไม่ หากมีจะให้ฝากไว้ที่ด่านตรวจก่อนและมารับคืนภายหลังจากที่ออกจากเขตอุทยานแล้ว

 

          อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเที่ยวอุทยานในช่วงนี้ ขอเรียนว่าบ้านพักอุทยานแห่งชาติได้ถูกจองเต็มหมดแล้ว ส่วนสถานที่กางเต็นท์ยังพอมีให้บริการประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ อาทิ ภาคเหนือ ที่ อช.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย อช.ลานสาง จ.ตาก ภาคกลาง ที่ อช.น้ำตกพริ้ว จ.จันทบุรี อช.เขาแหลมหญ้า เกาะเสม็ด จ.ระยอง ภาคใต้ ที่ อช.เกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ และ อช.ตะรุเตา อช.หมู่เกาะเภตรา อ.ละงู จ.สตูล ภาคอีสาน ที่ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เป็นต้น ผู้สนใจติดต่ออุทยานโดยตรง 0-2562-0760-2 สายด่วน 1362 หรือwww.dnp.go.th

 

          ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงกรณีนักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยดังถูกรุ่นน้องคู่อริปี 1 ใช้มีดแทงจนเสียชีวิตที่บริเวณจุดกางเต็นท์ลานลำตะคอง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการเมาสุราว่า สคล. สนับสนุนการประกาศให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกประเภท เพื่อป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทและรบกวนนักท่องเที่ยว

 

          ขอสนับสนุนจุดยืนของกระทรวงที่ต้องปกป้องนักท่องเที่ยว ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ เพราะคงต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยหรือปล่อยให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีขายมีดื่มในอุทยานแล้วสร้างปัญหาตามมา มิหนำซ้ำหลังจากการดื่มฉลองก็จะมีขวดเหล้า กระป๋องเบียร์เกลื่อนกลาด ถือเป็นการทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า อีกทั้งเศษแก้วยังสร้างบาดแผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย” ภก.สงกรานต์กล่าว

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

 

Update : 30-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

Shares:
QR Code :
QR Code