ตรวจหาเชื้อเสี่ยงลด ‘มะเร็งมดลูก’
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเพศหญิงแนะตรวจหาเชื้อ hpv มีความเสี่ยง ช่วยลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ระบุมะเร็งร้ายนี้คร่าหญิงเกือบ 500,000 คนต่อปี หญิงไทย 14 คนต่อวัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศหญิงทั่วโลกร่วมประชุมในงาน asia oceania research organization on genital infections and neoplasia (aogin) ที่ฮ่องกง มีความเห็นร่วมกันให้ทบทวนนโยบาย การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกในทวีปเอเชีย เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันได้นี้ ซึ่งในแต่ละปีสตรีทั่วโลกเกือบ 500,000 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายนี้ และครึ่งหนึ่งต้องเสียชีวิตลง โดยส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ส่วนในไทยข้อมูลสำรวจประชากรไทย พ.ศ. 2553 พบว่ามีหญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกและเสียชีวิตเฉลี่ย 14 รายต่อวัน และไทยติดอันดับ 4 ของกลุ่มประเทศตะวัน ออกเฉียงใต้ที่พบอัตราการเสียชีวิต จากมะเร็งปากมดลูกสูงสุด
ทั้งนี้ สาเหตุหลักของมะเร็งชนิดนี้คือ เชื้อไวรัส human pa-pillomavirus (hpv) ที่ทำให้เกิดโรคกว่าร้อยละ 99 โดยเชื้อ hpv มี 14 สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงทำให้เกิดโรค และสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงสุด และก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกถึงร้อยละ 70 ในกลุ่มสตรีทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการตรวจหาเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงสำคัญมากในการที่จะลดอัตราโรคมะเร็งปากมดลูกในภูมิภาค เนื่องจากการตรวจคัดกรองโดยวิธีแปปสเมียร์ (pap smear) เป็นการหาความผิดปรกติของเซลล์ในปากมดลูกมากกว่าการตรวจหาเชื้อ และยังมีเจ้าหน้าที่ห้องแล็บที่เชี่ยวชาญสูงในการแปลผล ซึ่งเวลานี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยตรวจวินิจฉัยเชื้อ hpv ในร่างกายแล้ว
ตัวอย่างเทคโนโลยีนี้รวมถึงโซลูชั่นการตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างครบวงจรของบริษัทโรช ไดแอกโนสติกส์ ที่ตรวจเชื้อ hpv สาย พันธุ์เสี่ยงสูงอย่างสายพันธุ์ 16และ 18และอีก 12สายพันธุ์ได้ในการตรวจเพียงครั้งเดียว ซึ่งการศึกษาในสหรัฐพบว่าสตรีที่มีเชื้อ hpv สาย พันธุ์ 16และ 18มีความเสี่ยงสูงกว่า สตรีทั่วไปถึง 35เท่าในการพัฒนารอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก
ที่มา:หนังสือพิมพ์โลกวันนี้