ดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญ ส่วนใหญ่ป่วยทางเดินหายใจ
ที่มา : MGR Online
แฟ้มภาพ
สธ.ส่ง 14 ทีมแพทย์ ดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญชาวพุทธ 4 สถานพยาบาลในอินเดีย-เนปาล ตั้งแต่ พ.ย. – มี.ค. ให้บริการเกือบ 5 พันราย ส่วนใหญ่ป่วยโรคทางเดินหายใจ กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนัง ทางเดินอาหาร
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญของชาวพุทธ ณ สังเวชนียสถาน สาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ว่า ระหว่าง พ.ย. – มี.ค.ของทุกปี จะมีพระภิกษุ สามเณร แม่ชี พุทธศาสนิกชนทั้งคนไทยและต่างชาติ เดินทางไปแสวงบุญจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงมอบหมายให้กรมการแพทย์จัดทีมแพทย์และพยาบาลไปดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มารับบริการในสถานพยาบาลของวัดไทยในช่วงเทศกาลดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2553 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยไม่เลือกศาสนาและชั้นวรรณะ สร้างความพึงพอใจให้แก่พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2562 ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2561 – 16 มี.ค. 2562 โดยส่งทีมแพทย์และพยาบาลจากหน่วยงานในสังกัด จำนวน 14 ทีม ได้แก่ 1.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี 2.โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น 3.โรงพยาบาลราชวิถี 4.โรงพยาบาลมะเร็งสุราษฎร์ธานี 5.โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี 6.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 7.โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ 8.โรงพยาบาลเลิดสิน 9.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 10.โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง 11.โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 12.โรงพยาบาลสงฆ์ 13.โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) 14.โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี โดย 1 ทีม ประกอบด้วยแพทย์ 1 คน พยาบาล 2 คน และเภสัชกร 1 คน ปฏิบัติงานทีมละ 3 สัปดาห์ หมุนเวียนปฏิบัติงานใน 3 สถานพยาบาล คือ สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ โรงพยาบาลพระพุทธเจ้า วัดไทยพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย และสถานพยาบาลอโรคยาคลินิก วัดไทยลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
ชทั้งนี้ ผลการปฏิบัติงานได้ให้บริการผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างชาติ จำนวน 4,997 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยไทย 3,035 ราย ผู้ป่วยต่างชาติ 1,962 ราย ในจำนวนนี้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจมากที่สุด รองลงมาได้แก่ โรคกล้ามเนื้อและกระดูก โรคผิวหนัง และโรคทางเดินอาหารตามลำดับ สำหรับโครงการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลของวัดไทยในดินแดนพุทธภูมิระหว่างเทศกาลแสวงบุญของชาวพุทธ นอกจากจะเป็นการปฏิบัติงานเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนางานสาธารณสุขและคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 3 ประเทศ ตลอดจนเผยแพร่ศักยภาพด้านการบริการรักษาผู้ป่วยของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อนานาประเทศและสนับสนุนการเป็น Medical Hub ของประเทศอีกด้วย