ดูแลสุขภาพช่วงเดือนรอมฎอน

ในมิติของชุมชน

 ดูแลสุขภาพช่วงเดือนรอมฎอน

          การถือศีลอดตามเจตนารมณ์นั้น มิได้เป็นเพียงการอดอาหารเพื่อล้างสารพิษทางร่างกายเท่านั้น แต่มีผลต่อร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ (ตักวา) ดังนั้นการถือศีลอดที่จะได้ภาคผลเต็มที่จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

          1.การถือศีลอดเพื่อให้มีผลต่อการยกระดับจิตวิญญาณ ต้องตั้งเจตนาการกระทำทุกอย่างเพื่อพระผู้เป็นเจ้า การถือศีลอดเพื่อแสวงหาความยำเกรง ไม่ควรเจตนาว่าถือศีลอดเพื่อลดน้ำหนัก หรือเพราะเป็นประเพณีที่ต้องทำ เช่น ถือศีลอดแต่ไม่ได้ละหมาดหรือจ่ายซะกาต เป็นต้น การถือศีลอดที่จะได้ภาคผลมากที่สุดก็คือ การถือศีลอดที่เป็นไปตามแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมมัด

          2.การถือศีลอดเพื่อให้มีผลต่อสุขภาพทั้งกายและใจ ถือว่าเป็นวัตถุประสงค์รอง เพราะฉะนั้นการถือศีลอดที่มีผลต่อสุขภาพ ควรจะมีองค์ประกอบดังนี้

          a.การถือศีลอดที่จะต้องตื่นรับประทานอาหารตอนหัวรุ่ง เพื่อจะไม่ให้เป็นการทรมานตนเอง เพราะถ้าไม่ตื่นรับประทานอาหารตอนหัวรุ่ง น้ำตาลจะลดต่ำมากในภาคบ่าย จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หรืออาจจะทำให้อ่อนเพลียนอนหลับทั้งวัน จนเลยเวลาละหมาดก็เป็นได้

          b.ไม่ควรละศีลอดด้วยอาหารคาวหวานดังเช่นทำในปัจจุบัน เนื่องจากทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารตามปกติ เสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ เช่น เบาหวาน โรคกระเพาะอาหารพิการ เป็นต้น

          c.ควรร่วมละหมาดอิชาอฺ และตะรอเวียะฮฺ เพื่อให้เวลาสำหรับอาหารย่อยก่อนเข้านอน ป้องกันโรคกรดไหลย้อนกลับ ควรรีบเข้านอนหลังตะรอเวียะฮฺ ไม่ควรมัวแต่คุย ดื่มน้ำชา กาแฟ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ อาจเป็นเหตุให้ไม่ตื่นรับประทานอาหารตอนหัวรุ่ง หรือละหมาดซุบฮฺ และทำให้ต้องนอนในช่วงกลางวันมาก จนขัดขวางการทำงานตามปกติด้วย

          d.ควรฝึกฝนให้เยาวชนตั้งแต่ 7 ขวบขึ้นไป ฝึกถือศีลอดครึ่งวันหรือถ้าเกิน 10 ขวบ ก็สามารถถือศีลอดเต็มวันเพื่อเป็นการเตรียมตัวเด็กให้เคยชินกับบรรยากาศการถือศีลอด

          e.ผู้ที่มีโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ในเรื่องการเปลี่ยนมื้อยา หรือขนาดของยา แต่ถ้ามีโรคบางโรคที่เป็นข้อห้ามของการถือศีลอด เช่น เบาหวานชนิดรุนแรง (ใช้อินซูลินฉีด) หรือโรคลมชัก หรือโรคจิตที่ต้องกินยาบ่อยๆ เป็นต้น ควรจะต้องปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด

          3.การถือศีลอดเพื่อให้มีผลต่อการขับเคลื่อนสังคม ควรจะรณรงค์ให้สังคมมุสลิมร่วมในการบริจาคทรัพย์สินเพื่อก่อตั้งกองทุนจิตอาสาช่วยเหลือคนจน ให้เขาได้มีโอกาสได้ถือศีลอดเช่นกัน เพราะคนโดยทั่วไปต้องทำงานหนัก เป็นกรรมกร อาจจะถือศีลอดไม่ไหว ถ้ายังมีเหลืออีก สามารถรวมเป็นกองทุนไปช่วยเหลือชาวโลกที่ยากจน

          a.รณรงค์การถือศีลอดในเดือนอื่น นอกจากเดือนรอมฎอน ที่เรียกว่า ศีลอดสุนัต เท่าที่สามารถทำได้ เพราะมากกว่า 1/3 ของปี นบีมุฮัมมัดใช้เวลาอยู่กับการถือศีลอด และเพื่อจะได้ไม่ลืมความหิวโหยของคนยากจน

          b.งดเว้นในสิ่งที่ไม่ดี ทำร้ายสุขภาพตนเองและผู้อื่น เช่น บุหรี่และยาเสพติดต่างๆ รวมทั้งนิสัยที่ไม่ดีต่างๆ ที่ทำให้หัวใจมืดบอด เช่น หัวใจที่ประสงค์ร้าย หัวใจที่ละโมบ หัวใจที่แข็งกระด้าง หัวใจที่ไม่พอเพียง

          c.ชุมชนควรจะกวดขันไม่ให้มีแหล่งอบายมุขในชุมชน เช่น มีการเล่นพนันบอลในร้านน้ำชา ขายยาเสพติดผสมเครื่องดื่มบางชนิด หรือมีผู้หญิงมาขายของและพูดคุยกับผู้ชายเกินขอบเขตจนดึกดื่น และที่สำคัญต้องเตือนชุมชนเสมอว่าเดือนรอมฎอนนี้ คือเดือนแห่งการปฏิบัติอิบาดัต เดือนแห่งความศรัทธา เดือนแห่งการฝึกฝนตนเอง ไม่ใช่เดือนแห่งมหกรรมอาหารจานเด็ด หรือเดือนแห่งความเกียจคร้าน เดือนแห่งการทรมานตนเอง อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

 

 

Update : 06-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

 

Shares:
QR Code :
QR Code