ดูแลรักษายางรถยนต์ถูกวิธี ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ปภ.แนะเลือกใช้-ตรวจสอบ-ดูแลรักษายางรถยนต์ถูกวิธีลดเสี่ยงยางเสื่อมสภาพ ป้องกันอุบัติเหตุยางระเบิด
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ยางรถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญประจำรถที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งบ่อยครั้งมักเกิดอุบัติเหตุยางระเบิดที่มีสาเหตุมาจากยางเสื่อมสภาพ เพื่อความปลอดภัย ขอแนะข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ ตรวจสอบ และดูแลรักษายางรถยนต์ ดังนี้ เลือกใช้ยางที่เหมาะกับสภาพรถ การใช้งาน และสภาพเส้นทาง รวมถึงมีขนาดเดียวกับยางที่ติดตั้งมากับรถ เลือกใช้ยางที่มีรุ่นและขนาดเดียวกันทั้ง 4 เส้น โดยเปลี่ยนยางทุก ๆ 2 ปี หรือทุก 50,000 กิโลเมตร เลือกใช้ยางที่มีขนาดพอดีกับเส้นรอบวงของยาง โดยมีขนาดใกล้เคียงกับมาตรฐานเดิม หรือขนาดของล้อแม็ก หากเปลี่ยนเป็นล้อเล็กให้เพิ่มขนาดแก้มยาง แต่หากเป็นล้อใหญ่ ให้ลดขนาดแก้มยาง
กรณีใช้งานรถยนต์บนถนนเรียบ ควรใช้ยางที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับหน้าถนน จะช่วยยึดเกาะถนนและมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำมากขึ้น กรณีใช้งานบนถนนขรุขระหรือลุยโคลน ควรใช้ยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่ และร่องยางห่าง เพื่อช่วยสกัดโคลน หิน หรือน้ำไม่ให้ไปติดตามดอกยางและร่องยาง
หมั่นตรวจสอบลมยางอยู่เสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือประมาณเดือนละครั้ง กรณีเดินทางไกล ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ตรวจสอบลมยางด้วยเกจ์วัดลมที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรตรวจสอบด้วยสายตา เพราะอาจคลาดเคลื่อนได้ เติมลมยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากกว่ามาตรฐาน 3-4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้นำมาใช้งานได้ทันที โดยลดค่าลมยางให้อยู่ในค่าปกติ
เติมลมยางตามค่ามาตรฐานที่กำหนดในขณะที่ยางเย็นตัว จะได้ค่าลมยางที่ถูกต้อง หากเติมหลังขับรถหรือขณะที่ยางยังร้อน จะได้ค่าลมยางสูงกว่าปกติ ไม่เติมลมยางต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะหน้ายางจะยุบตัวและสัมผัสพื้นผิวถนนมากกว่าปกติ ทำให้แก้มยางฉีกขาด ไหล่ยางเกิดความร้อนสูงและสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น รวมถึงส่งผลให้พวงมาลัยบังคับยากขึ้น ไม่เติมลมยางมากกว่าปกติ เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง และเมื่อได้รับแรงกระแทกจะทำให้ยางระเบิดได้ง่าย รวมถึงส่งผลให้ช่วงล่างรถยนต์สึกหรอเร็วขึ้น
สลับยางรถยนต์ ทุก 10,000 กิโลเมตร จะช่วยลดการสึกหรอและทำให้หน้ายางเรียบเสมอกันทั้ง 4 เส้น พร้อมปรับแรงดันลมยางของล้อหน้าและล้อหลังให้มีค่ามาตรฐานตามที่กำหนด หมั่นตรวจสอบระบบช่วงล่างและตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้สมดุล เพื่อป้องกันแรงเสียดทานและการลื่นไถล รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุล ทำให้ยางได้รับความเสียหายได้