ดื่ม”น้ำแร่”ทุกวันอันตรายร่างกายเสียสมดุล
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ออกโรงเตือน ดื่มน้ำแร่ทุกวันอันตรายทำร่างกายเสียสมดุล แนะก่อนที่จะซื้อน้ำแร่มาดื่ม ควรอ่านฉลากกำกับว่า น้ำแร่ในแต่ละยี่ห้อมีสรรพคุณอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง และแร่ธาตุเหล่านั้นเกินค่ามาตรฐานหรือไม่
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีประชาชน ผู้บริโภคน้ำดื่ม โดยเฉพาะน้ำแร่ ที่วางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด และมีการโฆษณาว่าน้ำแร่มีสรรพคุณต่างๆ เช่น เป็นน้ำสะอาดมากกว่าน้ำดื่มโดยทั่วไป อีกทั้งยังมีแร่ธาตุหลายชนิด ที่อ้างว่าเป็นประโยชน์กับร่างกาย จนทำให้ประชาชน ผู้บริโภคส่วนหนึ่ง หันไปดื่มน้ำแร่ นั้น ขอเรียนว่า ไม่อยากให้ประชาชนผู้บริโภคเข้าใจผิด เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว น้ำแร่ที่วางขายในท้องตลาด เป็นน้ำบาดาลชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่น้ำแร่ที่นำมาวางจำหน่ายอาจจะนำมาจากน้ำบาดาลในพื้นที่เฉพาะที่มีแร่ธาตุ บางชนิดมากเป็นพิเศษเท่านั้น
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ น้ำแร่ อาจจะมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ตามที่โฆษณาก็จริง แต่ขอเรียนว่า น้ำแร่นั้น ไม่ควรดื่ม หรือบริโภคทุกวัน เนื่องจาก น้ำแร่จะมีส่วนประกอบของแร่ธาตุชนิดต่างๆ แล้วแต่พื้นที่ที่เป็นแหล่งกำเนิด เช่น น้ำแร่ บริเวณภูเขา จะมีแร่ธาตุ ซิลเลเนียม และวานาเดียม มาก ซึ่งแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้ เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ หรือบางพื้นที่น้ำแร่จะมีปริมาณฟลูออไรด์ ที่ช่วยให้ฟันและกระดูกแข็งแรง เป็นต้น ในขณะที่ น้ำแร่บางยี่ห้อบางชนิด มีการเติมสารที่ทำให้มีรสออกหวาน เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่ควรดื่มน้ำแร่ทุกวัน เพราะจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล เพราะบางครั้งของที่มีประโยชน์หากบริโภคมากไปก็อาจเป็นผลเสียกับร่างกายได้
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ก่อนที่จะซื้อน้ำแร่มาดื่ม ควรอ่านฉลากกำกับว่า น้ำแร่ในแต่ละยี่ห้อมีสรรพคุณอย่างไร มีแร่ธาตุอะไร เป็นส่วนประกอบบ้าง และแร่ธาตุเหล่านั้น เกินค่ามาตรฐานหรือไม่ เช่น ถ้ามีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ที่เชื่อกันว่า ฟลูออไรด์ จะช่วยบำรุงรักษาฟันและกระดูก แม้จะเป็นความจริง แต่ค่ามาตรฐานฟลูออไรด์ในน้ำแร่สำหรับดื่ม ไม่ควรเกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตร ถ้าเกินค่ามาตรฐานจะส่งผลเสียต่อฟันและกระดูก โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ขวบ จะทำให้ฟันตกกระ ส่วนผู้ใหญ่จะทำให้กระดูกผิดปกติ ทั้งนี้ แร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่ที่สำคัญๆ เช่น ธาตุเหล็ก ก็ไม่ควรเกิน 0.5 มิลลิกรัม ต่อลิตร แมงกานิส ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัม ต่อลิตร ทองแดง ไม่ควรเกิน 1.0 มิลลิกรัม ต่อลิตร สังกะสี ไม่ควรเกิน 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ซัลเฟต ไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม ต่อลิตร ไนเตรด ไม่ควรเกิน 45 มิลลิกรัม ต่อลิตร คลอไรด์ ไม่ควรเกิน 250 มิลลิกรัม ต่อลิตร เป็นต้น
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูจากการวางขายในท้องตลาด พบว่าน้ำแร่ส่วนใหญ่ จะบอกคุณสมบัติของแร่ธาตุ แต่ไม่ได้บอกปริมาณ ทำให้ประชาชนผู้บริโภค ไม่รู้ว่าน้ำแร่ แต่ละชนิด มีปริมาณน้ำแร่ เกินมาตรฐานหรือไม่ แต่ที่ผ่านมา เมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นน้ำแร่ ก็จะคิดเอาเองว่าดีกว่าน้ำดื่มธรรมดา แต่ส่วนใหญ่ ตนเชื่อว่า การนิยมดื่มน้ำแร่ของคนไทยนั้นมาจากอิทธิพลของการโฆษณา ทั้งนี้ในต่างประเทศ ไม่มีใครดื่มน้ำแร่ทุกวัน เพราะการดื่มน้ำแร่ทุกวันเหมือนกับการกินยาทุกวัน ซึ่งไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ
เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรดื่มน้ำบาดาลทุกวัน เพราะน้ำบาดาลก็คือน้ำแร่ใช่หรือไม่ นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า น้ำบาดาล คือ น้ำดิบที่บริสุทธิ์ มีแร่ธาตุหลายชนิดเจือปนอยู่ ในปริมาณที่ไม่เป็นโทษแก่ผู้ดื่ม การขุดเจาะแต่ละพื้นที่ต้องมีเทคนิคโดยเฉพาะตามหลักวิชาการ ทั้งอุทกธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ เป็นต้น หากเปรียบเทียบน้ำบาดาลสำหรับบริโภคปกติ กับแหล่งน้ำแร่ที่คนไทยซื้อบริโภคในราคาสูง ความสะอาดและความบริสุทธิ์จะไม่แตกต่างกัน แต่แตกต่างกันตรงที่น้ำแร่ที่คนไทยซื้อดื่มนั้น มีแร่ธาตุบางชนิดอยู่ เช่น โซเดียม สังกะสี คลอไรด์ ซิลิกา โพแทสเซี่ยม แมกนีเซี่ยม เป็นต้น.
“สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ในอาหารที่เรากินปกติในชีวิตประจำวัน ก็มีแร่ธาตุผสมอยู่แล้ว หากเราไม่ได้เจ็บป่วย หรือร่างกายขาดแร่ธาตุตัวใด ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแร่ หรือถ้าจะดื่ม ก็ดื่มได้ แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มทุกวัน เพราะกลัวว่าร่างกายจะขาดแร่ธาตุ หรือต้องการแร่ธาตุสำหรับบำรุงร่างกาย เหมือนกับการกินอาหารเสริม หรือวิตามิน ถ้าเรากินอาหารครบตามหลักโภชนาการ เราไม่จำเป็นต้องกินวิตามิน หรืออาหารเสริมใดๆเลย”อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ