ดีอี เปิด 5 เคส ‘ตุ๋นลงทุน-ปล่อยกู้’ เตือน!! ปชช. เพิ่มระมัดระวัง รู้ทันมิจฉาชีพ
ที่มา: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 2 – 8 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 800,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาชักชวนลงทุนหารายได้พิเศษอ้างผลตอบแทนดีผ่านช่องทาง Facebook จึงทักไปสอบถามรายละเอียดผ่านทาง Messenger Facebook มิจฉาชีพแจ้งว่าเป็นการส่งเสริมการขายสินค้าโดยได้รับค่าคอมมิชชันตอบแทน จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง Line แนะนำขั้นตอนการทำงานและดึงเข้า Group Line โดยให้เริ่มลงทุนโอนเงินเข้าไปในระบบก่อน ในระยะแรกได้รับผลตอบแทนจริง ต่อมาภายหลังเริ่มให้ลงทุนมากขึ้น จึงต้องการขอยกเลิกภารกิจและถอนเงินคืน มิจฉาชีพแจ้งว่าให้ชำระค่าภาษีและค่าปรับเนื่องจากทำผิดกฎบริษัท ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,648,617 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดินแจ้งว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เคยยื่นคำร้องไว้ หลังจากนั้นมิจฉาชีพ ให้ผู้เสียหายแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคาร โดยแจ้งให้ทำตามขั้นตอนต่างๆรวมถึงการสแกนใบหน้า ต่อมาผู้เสียหายได้รับข้อความ SMS จากธนาคารแจ้งว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,300,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line สอบถามรายละเอียด จากนั้นโอนเงินลงทุนทำการเทรดหุ้น ในช่วงแรกได้กำไรและสามารถถอนเงินจากระบบได้ จึงโอนเงินเพิ่มและเทรดหุ้นได้จำนวนมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องโอนเงินเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 2,157,921 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาสินเชื่อกู้เงินง่ายผ่านช่องทาง Tiktok ผู้เสียหายสนใจจึงทักไปสอบถามรายละเอียด จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line มิจฉาชีพให้กรอกข้อมูลและแจ้งให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าประกันสินเชื่อ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป แต่ไม่สามารถถอนเงินกู้ออกมาได้ มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวผิดพลาด ระบบจึงทำการระงับรายการไว้ชั่วคราว ให้ทำการส่ง หน้าเอกสารบัญชีธนาคาร ถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนด้านหน้าและด้านหลัง และโอนเงินเพื่อให้ทางระบบเปิดให้ทำการแก้ไข ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตาม หลังจากโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 5 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,999,999 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่าย โทรศัพท์ TrueMove แจ้งว่าผู้เสียหายเปิดหมายเลขโทรศัพท์ทำเรื่องผิดกฎหมาย และโอนสายไปให้สนทนากับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าหมายเลขโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line มีการสนทนาผ่าน VDO Call และขอตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชี หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมาย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ความร่วมมือและโอนเงินไป ภายหลังการโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกสำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 8,906,537 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 6 ธันวาคม 2567 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
- สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,275,696 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,173 สาย
- ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 415,405 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,154 บัญชี
- ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่
- หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 124,122 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 29.88
- หลอกลวงหารายได้พิเศษ 101,138 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 24.35หลอกลวงลงทุน 62,179 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.97
- หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 36,390 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 8.76
- หลอกลวงให้กู้เงิน 32,242 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.76
- คดีอื่นๆ 59,334 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.28
น.ส.วงศ์อะเคื้อ กล่าวว่า จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพ ใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหาย ด้วยการหลอกให้ลงทุน หรือหารายได้พิเศษ โดยเป็นการหลอกให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย คือ Facebook และ Line ทั้งนี้ขอย้ำว่า กรณีการร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีการให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพิ่มเพื่อนหรือดำเนินการใดๆ ในโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการหลอกลวงให้กู้เงินทางออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นขบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือส่วนใหญ่จะไม่มีบริการสินเชื่อให้กู้ยืมเงินผ่านโซเชียล หรือสื่อสังคมออนไลน์ โดยหากสนใจโครงการสินเชื่อ ควรติดต่อผ่านช่องทางของธนาคาร หรือผู้ให้บริการสินเชื่อโดยตรงที่สำนักงาน หรือช่องทางที่เชื่อถือได้ และควรตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัด ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคล
ในส่วนของการที่มิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการถูกข่มขู่ ควรติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1.ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวง ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง