ดัน อสม.ช่วยแก้ปัญหามะเร็งในไทย
สธ.จับมือสถาบันมะเร็งฯ ดึงภาคีร่วมแก้ปัญหามะเร็งของคนไทย เดินหน้า อสม.รุกลงพื้นที่ทำงาน เน้นป้องกันตามหลักการ 5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง
นายแพทย์สุพรรณศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งในประเทศไทยว่า ปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปีละประมาณ60,000 รายหรือเฉลี่ย 7 รายต่อชั่วโมง ทุกวันนี้พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละ 100,000 กว่าราย โดยมะเร็งที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรกในเพศชาย คือ มะเร็งตับและทางเดินน้ำดีมะเร็งปอดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตามลำดับ ส่วนมะเร็งที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรกในเพศหญิงได้แก่มะเร็งเต้านมมะเร็งปากมดลูกมะเร็งตับและทางเดินน้ำดีมะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักตามลำดับ โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งเต้านมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบของชาวตะวันตกมากขึ้น ทำให้มีพฤติกรรมเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น เช่น การบริโภคเนื้อสัตว์และไขมันมากขึ้นบริโภคผักและผลไม้ลดลงขาดการออกกำลังกาย รวมถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสารพิษและสารก่อมะเร็ง ทำให้โรคมะเร็งยังมีอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็งอย่างเป็นระบบ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ หนึ่งในหน่วยงานหลักที่สำคัญของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งระดับชาติ5 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2560 โดยอาศัยแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งขององค์การอนามัยโลก ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 แผนการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ยุทธศาสตร์ที่ 2 แผนการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น ยุทธศาสตร์ที่ 3 แผนการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ยุทธศาสตร์ที่ 4 แผนการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ยุทธศาสตร์ที่ 5 แผนการวิจัยด้านโรคมะเร็ง ยุทธศาสตร์ที่ 6 แผนสารสนเทศโรคมะเร็ง และยุทธศาสตร์สุดท้าย แผนการสร้างเสริมสมรรถนะองค์กรในการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็ง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญคือ การลดอัตราการป่วยด้วยโรคมะเร็ง ลดระยะเวลารอคอยการรักษา ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มอัตรารอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ยาวนานมากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ด้านนาวาตรีนายแพทย์บุญเรืองไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวถึง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. มีการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2520 ปัจจุบันมีสมาชิก อสม.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดย อสม.นั้น ถือเป็นหัวใจดวงใหญ่และสำคัญ เนื่องจากเป็นกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพผู้เสียสละและมีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านคนทั่วประเทศ ที่ทำงานในพื้นที่ชุมชน ประสานงานกับบุคลากรทางด้านสาธารณสุขและหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ในบทบาทเชิงรุกมากขึ้น
นอกจากนั้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้ อสม. ได้รับความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้องมาโดยตลอด ดังนั้น โครงการถ่ายทอดความรู้ด้านโรคมะเร็งให้แก่ อสม.ที่จัดโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติในครั้งแรกครั้งนี้ จึงเป็นโครงการสำคัญที่บูรณาการการทำงานระหว่างกรมการแพทย์และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติกล่าวถึงรายละเอียดของโครงการ อสม.เชี่ยวชาญโรคมะเร็งว่า สถาบันมะเร็งแห่งชาตินอกจากจะเป็นหน่วยงานที่ให้บริการการตรวจคัดกรองค้นหามะเร็งในระยะเริ่มต้น ให้บริการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาโรคมะเร็งอย่างครบวงจรแล้ว ยังมีภารกิจหลักในด้านการกำหนดนโยบายการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งของประเทศ ที่ต้องครอบคลุมทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่การรณรงค์ให้ความรู้เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งสำหรับประชาชนคนปกติที่ยังไม่ป่วยเป็นมะเร็ง และกิจกรรมต่างๆ ทุกแผนยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการดูแลแบบประคับประคองสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งแล้วในระยะสุดท้าย โดยมุ่งเน้นการวิจัยและการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก
"ในส่วนของการสร้างเครือข่ายกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งนั้น เครือข่าย อสม.ทั่วประเทศนับเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพที่ถูกต้องและสามารถเข้าถึงพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ จึงร่วมกับเครือข่าย อสม. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดโครงการ อสม.เชี่ยวชาญมะเร็ง ให้แก่ตัวแทน อสม.จากทุกจังหวัดทั่วประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวน อสม.ที่เข้าร่วมโครงการกว่า500 คน มีหัวข้อการอบรมที่น่าสนใจ เช่น การปฏิบัติตัวเพื่อให้ห่างไกลโรคมะเร็งโดยใช้หลักการ 5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง การสังเกตความผิดปกติของร่างกายตามหลัก 7 สัญญาณอันตรายที่มีโอกาสเป็นมะเร็ง การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มต้นในกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยง การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อลบล้างความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคมะเร็ง และความรู้เรื่องโรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย" นพ.วีรวุฒิ กล่าว
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต