ชุมชนเมืองลอง คิดค้นเตาชีวมวลแก้ฝุ่น PM 2.5

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ชุมชนเมืองลอง คิดค้นเตาชีวมวลแก้ฝุ่น PM 2.5 thaihealth


แฟ้มภาพ


โรงเรียนเชตวันวิทยา อ.ลอง จ.แพร่  จัดทำ "โครงการชีวมวลรักษ์โลก รักษ์ธรรมชาติ" พัฒนาเตาชีวมวล แบบควันน้อย ช่วยเกษตรกรลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง และยังช่วยลดการเผาเศษวัสดุทางเกษตร ที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันกระทบต่อสุขภาพ


ในช่วงปลายฤดูร้อนของทุกปี ปัญหาหนึ่งที่พบได้มากทางภาคเหนือของประเทศไทยก็คือการเผาเศษวัสดุทางเกษตรและวัชพืชที่ปกคลุมดิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเพาะปลูกในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควันกระทบต่อสุขภาพ


โรงเรียนเชตวันวิทยา อ.ลอง จ.แพร่ เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม มีนักเรียนทุกคนเป็น "สามเณร" ที่นอกจากจะจัดการเรียนการสอนตามหลักพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นสถานศึกษาที่มุ่งเน้นในเรื่องของการสืบสานและถ่ายทอด "หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง" มาโดยตลอด


หลายปีมานี้สิ่งที่ทางคณะครูและนักเรียนของโรงเรียนเชตะวันวิทยา ค้นพบในการทำงานร่วมกับเกษตรกรหลายๆ พื้นที่ก็คือต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจากโจทย์ปัญหาที่ได้รับทำให้คณะครูและสามเณรกลุ่มหนึ่ง เริ่มมองหาพลังงานทดแทนที่ประหยัดและมีราคาถูกให้กับเกษตรกร แล้วพวกเขาก็พบว่าในชนบทนั้นมีชีวมวลเหลือใช้อยู่จำนวนมหาศาล


"โรงเรียนของเราดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยทำงานร่วมกับชุมชนและกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ตามหลัก 3 ห่วงคือ พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน และ 2 เงื่อนไขคือ ความรู้ และคุณธรรม ทีนี้ในเรื่องพลังงานเชื้อเพลิงต่างๆ ในภาคการเกษตร เราก็มาคิดกันว่าจะทำยังไงให้ชาวบ้านสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลงไปได้ แต่ต้องเป็นเครื่องมือที่ทำง่าย ราคาถูก และมีประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานของชาวบ้านได้จริงๆ" พระครูโสภณปัญญาธร ผอ.โรงเรียนเชตะวันวิทยา กล่าว


เป็นที่มาของการจัดทำ "โครงการชีวมวลรักษ์โลก รักษ์ธรรมชาติ" โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการพลังเด็กและเยาวชนสร้างสรรค์แบ่งปันความสุขจังหวัดแพร่ และสำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการที่จะพัฒนารูปแบบการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือกจากชีวมวลที่เหมาะสมเพื่อถ่ายทอดให้กับเกษตรกรต่อไป


สามเณรภัทรภณ บุตรแก้ว, สามเณรนนทพันธุ์ มาปิ๋ว และสามเณรศุภกร มูลสุรินทร์ คณะทำงานของโครงการจึงได้ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการนำ "ชีวมวล" มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสม และพัฒนาเตาชีวมวลต้นแบบอย่างง่ายๆ ที่ใช้ต้นทุนการผลิตไม่ถึง 100 บาทและตั้งชื่อว่า "เตาปี๊บ" เพราะดัดแปลงจากกระป๋องปี๊บทรงเหลี่ยมมาเป็นเตาถ่าน ใช้แกลบมาเป็นตัวให้พลังงานความร้อนโดยเกิดควันน้อยที่สุด แต่ให้ความร้อนที่สูงกว่าเตาอั้งโล่ทั่วไป


"เตาชีวมวลที่พวกเราพัฒนาขึ้นมาอย่างเตาปี๊บ จะช่วยให้ชาวบ้านลดค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิงได้ โดยใช้เศษวัสดุจากธรรมชาติหรือกิ่งไม้ข้างทางเป็นเชื้อเพลิงได้โดยไม่ต้องหาซื้อ ใช้ซังข้าวโพด เศษไม้ต่างๆ ได้ทั้งหมด ให้ไฟที่มีความร้อนมากกว่า ทำง่ายๆ มีต้นทุนไม่ถึง 100 บาท ใช้แทนเตาถ่านเพื่อทำกับข้าวในครัวเรือนได้เลย และไม่มีควันรบกวน ดีกว่าจะเอาพวกวัสดุเหล่านี้ ไปเผาทิ้งเป็นมลพิษฝุ่นควันอย่างที่เป็นข่าวต่างๆ เรื่องของ PM 2.5" สามเณรภัทรภณ อธิบาย


"อยากพัฒนาต่อยอดความรู้ที่ได้จากเตาปี๊บไปสร้างเตาเผาถ่านแบบไม่มีควัน โดยสร้างขึ้นจากถัง 200 ลิตร ซึ่งหากเผาถ่านแบบพื้นบ้านจะต้องใช้เวลาถึง 7 วันกว่าจะได้ถ่าน แต่ถ้าเผาผ่านเตาเผาถ่านที่เราพัฒนาขึ้นมา ก็จะใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆ ก็จะได้ถ่านไว้ใช้แล้ว ในระหว่างเผาก็แทบไม่มีควันด้วย" สามเณรนนทพันธุ์ เล่า


"จากเตาปี๊บเราก็พัฒนาเป็นเตาเผาถ่านที่ดัดแปลงเป็นเตาเผาขยะได้อีกด้วย โดยเตาตัวนี้จะสามารถเผาขยะพลาสติกต่างๆ ได้โดย ไม่มีกลิ่นและไม่มีควันรบกวน และใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีก็เผาไหม้จนหมด โดยเชื้อเพลิงที่ใช้ก็จะเป็นแกลบ ซึ่งเตาชีวมวลต่างๆ" สามเณรศุภกร ระบุ


ล่าสุดพัฒนาต่อยอดไปถึงการเผาถ่านเพื่อให้ได้ถ่านไม้ที่มีคุณภาพสูง และนำมาใช้ในกระบวนที่เรียกว่า Gasifier เพื่อทำให้เกิดเชื้อเพลิง Syngas เพื่อใช้กับเครื่องยนต์ทุกชนิด ซึ่ง Syngas เป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่ได้จากการเผาไหม้ของถ่านไม้จนเกิดก๊าซที่ให้พลังงานความร้อนอยู่ระหว่างก๊าซแอลพีจี และก๊าซเอ็นจีวี โดยได้มีการทดลองใช้กับเครื่องสูบน้ำ รวมไปถึงประยุกต์ใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ และกำลังจะถูกนำไปทดลองใช้ในรถยนต์ ที่ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี


ด้าน "ครูขวัญ" วรรณภา ปันปาเจริญ ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า การต่อยอดของเราเน้นไปที่ภาคการเกษตรเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายที่จะเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ของสามเณรที่ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมา ออกไปสู่ชุมชนภายนอกในวงกว้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรให้มากที่สุด มีการออกพื้นที่ไปให้ความรู้กับชุมชนต่างๆ มากกว่า 10 ครั้ง ตลอดทั้งไม่นับรวมกับการที่เราเปิดให้โรงเรียนเป็นแหล่งศึกษาดูงาน ในเรื่องของพลังงานทางเลือกและพลังงานชีวมวล โดยมีสามเณรเป็นแกนนำหลักในการให้ความรู้กับชาวบ้านและประชาชน


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code