“ชุมชนวัดโพธิ์เรียง” นำร่องจัดการปัญหาสุรา

ชู 22 ร้านค้าคุมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

 

 “ชุมชนวัดโพธิ์เรียง” นำร่องจัดการปัญหาสุรา

 

          ชุมชนในปัจจุบันมีความเปราะบาง มีโอกาสล่มสลายลงได้ง่ายกว่าอดีตที่ผ่านมา เพราะถ้ามองให้ลึกลงไปถึงเรื่องของคุณภาพของคนไปจนถึงเรื่องครอบครัว จะเห็นว่าการเลือกและวิธีการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพ บวกกับต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้าที่จะทำให้ก้าวพลาดอย่างง่ายดาย

 

          ณ วันนี้ ชุมชนที่มีชื่อว่า “ชุมชนวัดโพธิ์เรียง” เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ขันอาสาสร้างชุมชนให้เป็นที่พักพิงอิงอาศัย หรือเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ให้สมาชิกชุมชนอยู่รอดปลอดภัย เป็นชุมชนนำร่องควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นรินทร์ แป้นประเสริฐ ประธานชุมชนวัดโพธิ์เรียง มีความพยายามจัดการปัญหาสุราในชุมชน ทำให้ชาวบ้านเข้าใจและตระหนักมากขึ้น และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมามีพิธีมอบป้าย 22 ร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” พร้อมกับการเดินรณรงค์ในชุมชน แจกสื่อประชาสัมพันธ์ขณะนี้ 22 ร้านค้าชุมชนที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการติดป้ายหน้าร้าน ประกาศตัวชัดเจนเป็นร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมาย

 

          นรินทร์ แป้นประเสริฐ ประธานชุมชนวัดโพธิ์เรียง บอกว่า ชุมชนวัดโพธิ์เรียงเป็นชุมชนขนาดใหญ่กว่า 1,600 หลังคาเรือน ช่วงปี 2545 ต้องเผชิญปัญหายาเสพติดอย่างรุนแรง เราพยายามแก้ปัญหาทำให้ชาวบ้านและเยาวชนเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่กลับเป็นว่าติดเหล้าและบุหรี่แทน ในปี 2548 ปัญหาจากการดื่มสุราส่งผลกระทบต่อชุมชนรุนแรงกว่ายาเสียอีก เช่น เมาทะเลาะวิวาท สร้างความวุ่นวายในชุมชน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ที่ว่างในชุมชนจะมีคนมาล้อมวงดื่มเหล้า จนกระทั่งปี 2549 เริ่มมีการพูดคุยประเด็นนี้ในชุมชนและร่วมงานกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ออกมาตรการแก้ปัญหาแอลกอฮอล์

 

          หากเริ่มต้นจากเหล้าจะเกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เอดส์ ยาเสพติด และความรุนแรง การเข้าถึงเหล้าได้ง่ายเป็นปัญหาใหญ่ ก็ต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน มีการรณรงค์ลด ละ เลิกแอลกอฮอล์ แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้นำในชุมชนต้องเป็นแบบอย่างที่ดี จึงเริ่มที่ตัวเองและขยายผลไปยังครอบครัว ที่ผ่านมาผมก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกฎหมายคุมน้ำเมา ดีใจที่ พ.ร.บ.นี้คลอดออกมาในปี 2551 อยากให้ทุกภาคส่วนในสังคมปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” ประธานชุมชนกล่าว

 

          สำหรับมาตรการเชิงรุกล่าสุดที่เพิ่งดีเดย์ในวันที่ 7 ธันวาคม ผู้นำชุมชนบอกว่าเป็นการทำงานร่วมกับ สสส. เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กรุงเทพมหาสคร สถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย เพื่อควบคุมร้านขายเหล้าในชุมชน พร้อมกับเปิดตัวชุมชนโพธิ์เรียง ชุมชนนำร่องควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปพร้อมๆ กัน ก่อนหน้านี้ตนรวมถึงกรรมการชุมชนได้ไปพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านค้าภายในชุมชน 22 ร้านค้า ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของชำเพื่อขอความร่วมมือให้ร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมาย คือ ขายเหล้าตามเวลาที่กำหนด เวลา 11.00 น. – 14.00 น. และ 17.00 น. – 24.00 น. ไม่ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี รวมถึงจะต้องไม่ขายเหล้าให้คนเมาบรรดาผู้ประกอบการร้านค้ายินดีและเห็นด้วยว่าควรใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งยังขอบคุณที่มาให้ความกระจ่างด้านกฎหมายสิ่งใดผิดและถูก

 

          “22 ร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมายจะช่วยลดผลกระทบในชุมชน แต่ละร้านจะเฝ้าระวังกันเอง หากพบร้านค้าใดนอกคอกจะแจ้งผู้นำชุมชนเพื่อตักเตือนในเบื้องต้น หากฝืนกฎหมายซ้ำสองจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คิดว่าคงไม่ถึงจุดนั้น เพราะว่าทุกร้านประกาศชัดเจนทำตามกฎหมาย แล้วก็ต้องดำเนินการควบคุมไปกับการสร้างความรู้ ชาวบ้านเองก็ต้องไม่ซื้อนอกเวลา เราเริ่มต้นแล้วแต่ความยากคือความยั่งยืน”

 

          นรินทร์ยังบอกด้วยว่า จากการขับเคลื่อนงานเฝ้าระวังแอลกอฮอล์ในชุมชน ส่งผลให้จำนวนนักดื่มลดลงถึง 60% คนที่เคยเมาหัวราน้ำก็ดื่มน้อยลง เซียนน้ำเมาบางคนก็เลิกเหล้าได้ แน่นอนว่าผลกระทบในชุมชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด การทำให้ชุมชนมีความสุขคือความฝันของตน ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากชาวบ้าน ความสามัคคีปรองดองเพื่อก้าวไปในทิศทางเดียวกัน ตอนนี้ที่กังวลเป็นเรื่องครอบครัว พ่อแม่ทำงานหาเงินไม่มีเวลาดูแล หรือให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกอย่างเพียงพอ ติดเกม ติดมือถือ ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย บ้างก็เป็นเด็กแว้นก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ในชุมชนโพธิ์เรียงพยายามทำกระบวนการในพื้นที่ ดึงเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงมาร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ ผู้นำชุมชนพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ประกอบการร้านเกมก็ยังต้องเดินหน้างานด้านเยาวชนให้สำเร็จ

 

          ในท้ายนี้ประธานชุมชนวัดโพธิ์เรียงฝากถึงผู้นำชุมชนในเขตต่างๆ ของกรุงเทพฯ ด้วยว่า การแก้ปัญหาใหญ่ ต้องกล้าเผชิญปัญหา ใช้ความจริงใจเข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการร้านค้า ลูกบ้าน รวมถึงต้องมีมาตรการทำความเข้าใจและให้ความรู้กับชุมชน สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง เพราะใช้กฎหมายควบคุมเรื่องสุราเพียงอย่างเดียวไม่มีทางจัดการปัญหาสุราได้

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

Update : 12-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code