‘ชุมชนบ้านสะเลียมเหนือ’ ต้นแบบสุขชุมชนยั่งยืน

"สสส." สนับสนุน "ชุมชนบ้านสะเลียมเหนือ" ที่อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ เป็นต้นแบบหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ที่ได้รับรางวัล ทั้งยังเน้นเรื่องสุขภาพและสิ้งแวดล้อมของคนในชุมชน


'ชุมชนบ้านสะเลียมเหนือ' ต้นแบบสุขชุมชนยั่งยืน thaihealth


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุนหนึ่งในต้นแบบ "หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง" คือ "บ้านสะเลียมเหนือ" ชุมชนเล็ก ๆ ในอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอหนองม่วงไข่ และรางวัลชุมชนปลอดขยะชนะเลิศอันดับที่ 3 ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดแพร่


โดยอาชีพหลักของชุมชนบ้านสะเลียมเหนือ คือการทำไร่ ทำนา ทำสวน เกษตรกร ด้วยพื้นที่และวีถีชีวิตของการทำมาเลี้ยงชีพ ที่ต้องอยู่กับการเกษตรและธรรมชาติ ผู้นำชุมชนจึงมุ่งมั่นที่จะดำรงความเป็นธรรมชาติน่าอยู่ของหมู่บ้านไว้ มิให้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปตามกระแสของการบริโภค โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชุมชน และด้วยความร่วมแรงร่วมใจของผู้นำและชุมชน


นายทวีศักดิ์ หมื่นโฮ้ง กำนันตำบลตำหนักธรรม กล่าวว่า ก้าวย่างของหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และการสู่ชุมชนน่าอยู่ เดินหน้าด้วยจากการที่ชุมชนมองเห็นปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะปัญหาขยะของครัวเรือน การใช้สารเคมีด้านการเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชน และปัญหาหนี้สินครัวเรือน โดยเริ่มจากการจัดตั้งสภาผู้นำ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนองค์กรปกครองท้อถิ่น ส่วนราชการ และตัวแทนชาวบ้าน ร่วมวางแผนและขับเคลื่อนด้านการจัดการขยะ ด้านเกษตรอินทรีย์ ด้านจิตอาสา ด้านการลด ละ เลิกการดื่มสุรา


นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ชุมชนมีการกำหนดมาตรการการจัดการขยะ ด้วยการเพิ่มองค์ความรู้ และทักษะปฏิบัติ แก่สมาชิกโครงการ สตรี และเยาวชน มีการนำศึกษาดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการจัดการขยะ การคัดแยก การรีไซเคิล และสอนการประดิษฐ์สิ่งของจากขยะ โดยได้จัดทำศูนย์จัดการขยะ 1 แห่ง เพื่อรับซื้อและนำไปจำหน่าย โดยชาวบ้านจะคัดแยกขยะส่วนหนึ่งมาขายมีรายได้เพิ่มจากขยะ และอีกส่วนที่เป็นขยะสดก็จะนำไปหมักทำปุ๋ย เพื่อใช้ปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน ปัจจุบันชาวบ้าน มีทั้งการเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงกบ ปลูกพืชผักสวนครัว และผักพื้นบ้านต่างๆ ที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ซึ่งการปลูกจะเป็นการเกษตรอินทรีย์ เป็นกระบวนการผลิตอาหารที่ปราศจากการใช้สารเคมีสังเคราะห์อย่างสิ้นเชิง จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้บริโภค


ทั้งนี้เป้าหมายของโครงการไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อค้าขาย แต่เพื่อให้ชาวบ้านมีกินมีใช้อย่างเพียงพอ มีอาหารสำรอง เหลือกินเหลือใช้จึงจะนำไปขายเป็นรายได้เสริมของครอบครัว และยังเป็นการใช้พื้นที่ แรงงาน เวลา และสิ่งที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เปรียบเสมือนมีซุปเปอร์มาร์เก็ตประจำบ้าน ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีตู้เย็นไว้แช่กับข้าว แต่เมื่อนึกอยากจะรับประทานอะไรก็สามารถเก็บผักจากต้นมารับประทานได้เลย เศษอาหารที่เหลือก็สามารถนำมาให้เป็นอาหารปลาหรือเป็ด ไก่ ที่เลี้ยงไว้ เศษไม้ก็นำมาเผาเป็นถ่านไว้ใช้ได้ จะทำอย่างไรให้ 1 มื้อนั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย ถึงแม้ชาวบ้านจะไม่มีรายได้เข้ามาในครอบครัว แต่ก็สามารถอยู่ได้โดยไม่มีรายจ่ายเช่นกัน จึงทำให้มีเงินเหลือออม และไม่มีหนี้สินในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันทางชุมชนมีเงินกองทุนกว่า 3 ล้านบาทเพื่อใช้หมุนเวียนในหมู่บ้าน


ด้านน.ส.ราตรี ทะนันชัย ทีมงานสภาผู้นำ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมกระตุ้นและสนับสนุนจิตอาสา ปฏิบัติการบ้านน่าอยู่ตรวจตามบ้าน เรื่องความสะอาดการจัดบ้านเรือนในและนอกบ้านโดยสภาผู้นำชุมชนและกลุ่มเยาวชน โดยกลุ่มเยาวชนจิตอาสาทำดี รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้าน โดยการปั่นรณรงค์คือ ปั่นจักรยานรณรงค์เรื่องเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด และการรักษาความสะอาด ปั่นเก็บขยะ คือ ปั่นจักรยานเก็บขยะในหมู่บ้านและร่วมพัฒนาหมู่บ้าน ปั่นเยี่ยมบ้าน คือปั่นจักรยานเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ผู้พิการ ปั่นเพื่อสิ่งแวดล้อม คือปั่นจักรยานไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่พักอาศัยให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการและเก็บขยะในหมู่บ้าน และปั่นเพื่อสุขภาพ คือแกนนำเด็กจำนวน 20 คน นำประชาชนหมู่ที่ 5 ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกาย และกิจกรรมสร้างความดี สร้างชีวิตใหม่ โดยให้ผู้เฒ่าผู้แก่และปราชญ์ในชุมชนเป็นผู้ถ่ายทอดสายสัมพันธ์อันดีของครอบครัวตามประเพณีและวิถีชีวิตของคนบ้าน สะเลียม โดยใช้หลักธรรมะ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลเสียจากกินเหล้า วิธีลด ละ เลิก และวิธีบำบัดรักษาผู้ติดเหล้า กิจกรรมวันหมู่บ้านปลอดเหล้า และรณรงค์ลดเหล้า จนนำไปสู่ความสำเร็จเกิดครอบครัวต้นแบบปลอดสุรา 10 ครอบครัว


อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทางชุมชนมีแนวคิดร่วมกันว่าจะทำบ้านเสลียมเหนือ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางธรรมชาติ พร้อมที่พักโฮมสเตย์ที่สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน มีความมั่นคง ลดการพึ่งพาจากภายนอก ณ จุดเล็กๆ แห่งนี้ที่มีการจัดการตน เองบนหลักของความร่วมมือร่วมใจ โดยได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเพื่อส่งเสริมความรู้แก่สังคม เพื่อการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง มีความเอื้ออาทรต่อกัน ส่งผลให้ผู้ที่น้อมนำแนวทางดังกล่าวไปปฎิบัติ มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในที่สุด


 


 


ที่มา: เว็บไซต์เดลินิวส์


 

Shares:
QR Code :
QR Code