ชวนคนไทยใส่หน้ากากป้องกันโรค

/data/content/25326/cms/e_adfhijmnpqw5.jpg 


        กรมควบคุมโรค ชวนคนไทยสร้างค่านิยมใหม่ เมื่อป่วยเป็นหวัดหรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจต่างๆ ให้ใส่หน้ากากป้องกัน เพื่อแสดงความใส่ใจและห่วงใยต่อคนรอบข้าง  เน้นกลุ่มเสี่ยงหากสงสัยว่ามีอาการไข้หวัด ให้หยุดเรียนหรือหยุดงาน รีบพบแพทย์ และใส่หน้ากากป้องกันโรคไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น ชี้!! ปัจจุบันโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมีความรุนแรงมากขึ้น


          นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่หลังเป็นประธานเปิด "มหกรรมงานหน้ากากป้องกันโรค" ว่าจากรายงานยอดผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ของ สำนักระบาดวิทยาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 26 กรกฎาคม 2557 พบว่า ทั่วประเทศอยู่ที่ 44,091 ราย เสียชีวิต 56 ราย กลุ่มอายุที่พบป่วยมากที่สุดคือ 25-34 ปี รองลงมาคือ 35-44 ปี และ 7-9 ปี ตามลำดับ ลำปางเป็นจังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงสุด ประมาณ 310.66 ต่อแสนประชากร รองลงมาคือ ระยอง ภูเก็ต กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ตามลำดับ


          กลุ่มเสี่ยงหลักๆ ที่อาจเจ็บป่วยด้วยอาการไข้หวัดได้ง่าย ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้มี ภูมิต้านทานโรคต่ำ ผู้มีโรคอ้วน และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ หากมีอาการ สงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ให้หยุดเรียนหรือหยุดงาน รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และใส่หน้ากากป้องกันโรคไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ไปสู่ผู้อื่น


          "การใส่หน้ากากป้องกันโรคถือเป็นการสร้างวินัยในการป้องกัน โรคที่ดี เนื่องจากปัจจุบันมีโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่มี ความรุนแรงมากขึ้น แม้ระบบสาธารณสุขจะมีความพร้อมเพียงใด แต่หากประชาชนไม่เห็นความสำคัญและขาดความร่วมมือร่วมใจ ก็ยากที่จะรับมือกับโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประชาชนจึงควรตื่นตัวในการป้องกันโรคทั้งให้แก่ตนเองและครอบครัวให้ปลอดภัยจากโรค ทุกคนต้องร่วมกันสร้างค่านิยมใหม่ในการใส่หน้ากากป้องกันโรคเมื่อป่วยเป็นหวัดหรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่เป็นการแสดงความใส่ใจ และห่วงใยต่อคนรอบข้าง ในระยะแรกอาจเห็นเป็นเรื่องแปลก ไม่คุ้นชินกับการใส่หน้ากากป้องกันโรค ใส่แล้วอึดอัด อาย กลัวถูกสังคมรังเกียจ  แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนส่วนใหญ่จะเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา การที่ไอจามโดยไม่ปิดปากหรือไม่ใส่หน้ากากป้องกันโรค จะกลายเป็นเรื่องที่น่าอายมากกว่า หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค โทร. 0-2590-3159 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422" นายแพทย์โสภณกล่าวทิ้งท้าย


 


 


          ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code