ชนแล้วหนี…วิถีของคนขลาด กลยุทธ์รับมือคู่กรณี หมดสิทธิ์เผ่นหนีแบบลอยนวล

 

 

‘เอี๊ยดดดด…โครม!’ หลังสุดสุรเสียงดังลั่นสนั่นทุ่ง ฝุ่นตลบเริ่มจางลง ความมึนงงเริ่มจางหาย หลายเหตุการณ์ที่ผู้ประสบเคราะห์กรรมพบว่าตัวเองถูกทิ้งอยู่อย่างเดียวดาย คลับคล้ายเหมือนถูกชนด้วยวัตถุลึกลับที่วิ่งพรวดหายไปในความมืด…

ขอ 3 คำที่คงไม่มีใครอยากได้อยากโดน ‘ชนแล้วหนี…’!!! ใครเคยประสบพบเจอเหตุการณ์ท่วงทำนองนี้ ร้อยทั้งร้อยแทบประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงว่า ‘ขอจำไปจนวันตาย’ ด้วยความวุ่นวายเยียวยาความเสียหายของฝ่ายตัวเองก็เจ็บเกินพอ แต่ดันต้องมาปวดหัวเพราะจับมือใครดมไม่ได้เข้าให้อีก แล้วจะทำยังไงดี ในเมื่อสัจธรรมการดำเนินชีวิตคือ มิอาจหลบหน้า จำต้องพบปะเหตุการณ์อันไม่ปรารถนามีนามว่า ‘อุบัติเหตุ’ ขอเสนอแนวทางเพื่อสังคม ที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามถึงขั้นขะมักเขม้น แค่คอมเมนต์จำไว้ในหัวใจก็พอ…

ตั้งสติให้มั่น อย่าบุ่มบ่ามตื่นตูม

อุบัติเหตุที่มาถึงตัว มักไม่ค่อยให้โอกาสตั้งหลักสักเท่าไหร่ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป สิ่งที่ต้องพึงระลึกยามเกิดเหตุระทึกอยู่เสมอคือ อย่าตกใจจนเกิดเหตุ รวบรวมสติจากทุกส่วนของร่างกายให้ได้มากที่สุด เพราะการตื่นตระหนกไม่สร้างผลดีอันใด รังแต่จะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็มีให้เห็นเต็มหน้าหนึ่ง นสพ.ไทยรัฐ ไม่เว้นแต่ละวัน

จดจำให้แม่นทุกรายละเอียด

เมื่อตั้งสติดีแล้ว หากพบว่าคู่กรณีกำลังจะลี้ภัย หรือภาษาสก๊อยก็ ‘ชิ่ง’ นั่นแหละ แล้วก็ต้องรู้จักคำว่า ‘ออกตัวก่อนได้เปรียบ’ ไว้ด้วย หากเรามัวแต่ตั้งหลักเพื่อไล่ตามจับล่ะก็ฝันไปเถอะ ป่านนั้นคู่กรณีคงเผ่นไปไหนต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ พยายามจดจำรายละเอียดของคู่กรณีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปพรรณสันฐานของผู้ก่อเหตุ ทะเบียน รุ่นสี และตำหนิของรถคู่กรณี เพราะมันจะมีประโยชน์อย่างที่สุดสำหรับใช้ในการติดตามในภายหลัง

191 เบอร์แรกที่ต้องนึกถึง

หากแน่ใจว่ารายละเอียดถูกต้องและมากพอ รีบสอดส่ายสายตาควานหาโทรศัพท์ รีบกด 191 โดยพลัน แจ้งรายละเอียดคู่กรณีที่หลบหนี เส้นทางที่มุ่งหน้าหนี ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานงานดักจับได้อย่างทันท่วงที

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน

เมื่อโทรแจ้งเรียบร้อยแล้ว หากเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ ก็ไปสำรวจความเสียหายที่ผู้ก่อเหตุทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า แต่ขอเตือนว่าให้ระวังพวกมิจฉาชีพที่บางครั้งสร้างสถานการณ์ชนแล้วหลบหนี เพื่อให้เราลงจากรถเพื่อทำการชิงทรัพย์ได้โดยง่าย หากรู้สึกว่าเป็นซอยเปลี่ยวไม่ชอบมาพากล ก็ควรนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เราโทรแจ้งเมื่อสักครู่ อย่าตัดสินเอาเองว่าใครเป็นพลเมืองดี เพราะคนพวกนี้วางแผนและทำกันเป็นขบวนการ

รถมูลนิธิ รถพยาบาล ไม่นานเกินรอ

ในกรณีที่ตัวเราเองเลือดตกยางออก หากได้แจ้งไปยังปลายสาย แค่อึดใจจะพบรถมูลนิธิต่างๆ รวมถึงรถพยาบาลวิ่งมายังที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที ให้เราแจ้งอาการบาดเจ็บเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและปลอดภัย และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ค่อยแจ้งรายละเอียดของคู่กรณีอีกครั้ง

ตั้งสติ เรียบเรียงถ้อยคำให้การ

หากหลังจากเกิดเหตุไม่นาน คู่กรณีเกิดดวงแตกถูกจับได้ในทันที หลังจากนั้นก็จะมีการสอบปากคำทั้งตัวผู้ประสบเหตุและพยานที่เห็นเหตุการณ์ ควรเรียบเรียงคำพูดให้ถูกต้องตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากในช่วงเกิดเหตุแล้วมัวแต่ตกใจจนขาดสติ ย่อมทำให้ขั้นตอนให้ปากคำมีปัญหาได้ในภายหลัง เนื่องจากอาจจำสิ่งที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้นั่นเอง

ส่วนในกรณีที่โชคร้ายเลือกจะสวมกอดตัวเรา นั่นหมายถึงคู่กรณีเผ่นหนีอย่างลอยนวล สิ่งที่ทำได้ในขณะนั้นก็แค่เจ้าหน้าที่ก็จะทำการออกหมายจับตามลักษณะที่เราได้แจ้งไว้ เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีในภายหลัง

อ่อ..แล้วก็อย่าลืมแจ้งประกันด้วยถ้ามี เพราะหากลืมแจ้งประกันและนึกขึ้นได้ในวันรุ่งขึ้นล่ะก็ งานนี้มีแต่ยุ่งวุ่นวายกันยาวแน่นอน เพราะสถานะการเคลมจะต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดในการประกันคงต้องไปศึกษากันให้ดี เอาเป็นว่าขอให้ประกันมีไว้นะดี แต่หากมีแล้วไม่ต้องใช้นั่นแหละเป็นโชคอันประเสริฐ…เดินทางปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุทุกการเดินทางนะทุกคน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code