จ.ลำพูน อนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าทอ เสริมทักษะขายออนไลน์

ที่มา : เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์


จ.ลำพูน อนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าทอ เสริมทักษะขายออนไลน์ thaihealth


แฟ้มภาพ


การอนุรักษ์ผ้าทอพื้นเมือง ให้คงอยู่ถือเป็นสิ่งสำคัญ ทางคณะครูของโรงเรียนบ้านไม้ตะเคียน จ.ลำพูน จึงได้คิด "โครงการผ้าทอหลากสี เชื่อมสายใยชุมชนและโรงเรียน บ้านไม้ตะเคียน" เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เชิงสร้างสรรค์แก่เด็กและเยาวชน


ตำบลตะเคียนปม อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน เป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้ายและผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมายาวนาน โดยเฉพาะกรรมวิธีการผลิตในขั้นตอนต่างๆ ที่ยังคงอนุรักษ์แบบดั้งเดิมเอาไว้ และใช้สีย้อมผ้าที่มาจากธรรมชาติทั้งหมด


ภูมิปัญญาเรื่องของการทอผ้าและการย้อมสีของชุมชนแห่งนี้ ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้า ให้กับคิงเพาเวอร์ (King Power) ในชุด Thai Natural Dye Collection เพื่อนำไปจำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกประเภทต่างๆ ให้กับทีมจิ้งจอกน้ำเงิน "เลสเตอร์ ซิตี้" สโมสรฟุตบอลชื่อดังของประเทศอังกฤษ


เมื่อมี "ต้นทุน" ที่ดีคือ "ภูมิปัญญาการทอผ้า" คณะครูของโรงเรียนบ้านไม้ตะเคียน ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส จึงได้ชักชวนเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวนหนึ่งที่สนใจ มาร่วมกันศึกษาเรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ด้วยการจัดทำ "โครงการผ้าทอหลากสี เชื่อมสายใยชุมชนและโรงเรียน บ้านไม้ตะเคียน"


โดยมีโครงการหนุนเสริมศักยภาพและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ เชิงสร้างสรรค์แก่เด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน คอยให้คำปรึกษา ภายใต้การสนับสนุน จาก สำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อร่วมกันต่อยอดองค์ความรู้ของชุมชนไปสู่การสร้างทักษะอาชีพให้กับเยาวชนในพื้นที่


"ในชุมชนของเรามีต้นทุนที่ดีทั้งภูมิปัญญา และตัวบุคคลอยู่แล้ว ทำอย่างไรที่จะใช้หรือพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นต้นทุนชีวิตของพวกเขา ซึ่งถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะระบบการตลาดและการค้าออนไลน์ จะทำให้โอกาสต่างๆ เข้ามาถึงได้ แม้ในชุมชนที่ห่างไกล" นายบัณฑิต กันธิวัง ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าว


ด้านนายวิโรจน์ คำธิยะ ครูที่ปรึกษาโครงการ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเริ่มโครงการได้พาเด็กไปดูสถานที่ๆ ขายงานแฮนด์เมด และงานฝีมือ ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ย่านสันกำแพง และชุมชน โหล่งฮิมคาว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา ที่ถ้ามีผลงานดีๆ ก็สามารถนำไปเสนอให้ร้านค้าได้ ซึ่งการขายแบบนี้เป็นการขายแบบออฟไลน์


แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือ การขายของแบบออนไลน์ เมื่อจบกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดพวกเขาต้องนำชิ้นงานมานำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เรียนรู้วิธีการขาย การพรีเซ็นต์สินค้า การนำเรื่องราวต่างๆ มาสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น


ด้านน้องหมวย-น.ส.ฉัตรแก้ว เป็งนันต๊ะ, น้องปีโป้-น.ส.เบญญาภา ศรีวิชัย, น้องกิ๊บน.ส.ธัญรัตน์ อินทร์ตา และน้องซูซัย-นายสุทธิชัย อุวงค์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แกนนำของโครงการ ช่วยกันอธิบายให้ฟังว่า ผ้าทอพื้นบ้านในชุมชนของพวกเขานั้นมีจุดเด่น คือการใช้สีจากธรรมชาติ อย่าง สีส้ม-สีแสดจะได้จากผลของต้นคำเงาะ, สีแดงได้จากเปลือกไม้ประดู่, สีเหลืองได้จากไม้เพกา, สีชมพูได้จากต้นยาอุนะ, สีน้ำเงินได้จากฮ้อม, สีเทา-ดำได้จากต้นมะเกลือ และสีส้มได้มาจากดินลูกรังหรือดินแดง และทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้สารเคมีเลย


"คุณครูพาไปดูงาน ที่เชียงใหม่ พอเห็นผ้าที่มีลวดลายสีสันต่างๆ ที่แปลกตาไปจากที่บ้านทำอยู่ก็ยิ่งน่าสนใจ" น้องหมวย เล่าถึงสิ่งที่ได้ค้นพบ


"เราสามารถใช้เวลาว่างในการผลิตสินค้า เพื่อจำหน่ายหาเป็นรายได้ พิเศษได้ ถ้าประยุกต์ให้เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าแบบเดิมๆ ที่ทำอยู่" น้องปีโป้ กล่าวอย่างมั่นใจ


"ตอนนี้มีแกนนำอยู่ 10 คน พอเรียนรู้แล้วก็จะนำไปถ่ายทอดต่อให้กับเพื่อนๆ และน้องๆ ในโรงเรียน" น้องกิ๊บบอกถึงแผนงานต่อไปจากนี้


"อย่างน้อยถ้าเราไปสอนน้องๆ ให้ทำได้ เราจะทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไว้ใช้ได้เองโดยไม่ต้องซื้อ และยังผลิตขายได้ถ้าทำให้สวย" น้องซูชัย กล่าว


"ในอนาคตข้างหน้ามีคนบอกว่า Ai จะมาแทนที่มนุษย์ในหลายด้านๆ แต่สิ่งหนึ่งที่แทนที่ไม่ได้คือ 'ภูมิปัญญา สิ่งที่เป็นศิลปะ' สิ่งที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเด็กๆ ได้ซึมซับเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ ในวันข้างหน้า ที่เขาต้องไปสู้กับ Ai ก็จะดึงเอาองค์ความรู้เหล่านี้ออกมาใช้เพื่ออยู่เหนือระบบ Ai ได้" ครูวิโรจน์ กล่าวสรุป

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ