จ.ภูเก็ต ถนนปลอดภัยลดตายเหลือ 50%
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
พื้นที่ จ.ภูเก็ต ดำเนินงานความปลอดภัยทางถนนต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยผลักดันประเด็นความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง ก่อให้เกิดความร่วมมือกันในระดับพื้นที่อย่างดี บังคับใช้กฎหมายจริงจัง ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในจังหวัดภูเก็ตลดน้อยลงกว่า 50%
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม (สำนัก 10) สสส. เปิดเผยภายหลังโครงการพัฒนารูปแบบความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนสุขภาวะที่ดีของเยาวชนไทย Imagine Thailand Movement อิมเมจิน ไทยแลนด์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส.นำภาคีเครือข่ายลงพื้นที่เรียนรู้กลไกการสร้างความร่วมมือแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนใน จ.ภูเก็ต ว่า
ที่นี่หลายภาคส่วนทั้งตำรวจ สาธารณสุข ทางหลวงภูเก็ต ขนส่งจังหวัด ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ฝ่ายปกครอง ภาคเอกชนจับมือร่วมกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ดำเนินงานความปลอดภัยทางถนนต่อเนื่องมากว่า 10 ปี และปัญหาอุบัติเหตุลดลงอย่างชัดเจน
นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการแผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก ด้านความปลอดภัยทางถนน ในฐานะแกนนำขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนนในจังหวัด กล่าวว่า ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวและคนต่างพื้นที่เดินทางออกตลอดเวลา เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่จังหวัดภูเก็ตเฉลี่ยปีละประมาณ 200-300 คน และคงอยู่ในระดับนี้เป็นเวลานาน แต่ในระยะ 10 ปีหลัง ที่มีการผลักดันประเด็นความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง ก่อให้เกิดความร่วมมือกันในระดับพื้นที่อย่างดี มีการบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในจังหวัดภูเก็ตลดน้อยลงกว่า 50%
มีการแก้ไขจุดเสี่ยงไปกว่า 200 จุด บางจุดเสี่ยง อาทิ บริเวณวงเวียนสุรินทร์นริศร, ควนดินแดง, โค้งประปา, ทางเข้าหาดในยาง แต่หลังจากมีความร่วมมือกันอย่างจริงจัง จึงได้รับการพัฒนา ทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในบริเวณดังกล่าว เคยมีคนเสียชีวิต ปีละกว่า 50 คน
แต่หลังจากมีการแก้ไขปัจจุบันพบเพียงแค่การเฉี่ยวชน หัวใจสำคัญ เกิดจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ คือสหสาขาวิชาชีพ เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด เมื่อรู้ว่าเจ็บตายเท่าไหร่ สาเหตุเพราะอะไร เกิดเหตุที่ไหน เกิดขึ้นกับใคร ข้อมูลทำให้จัดการปัญหาได้
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวถึงแนวทางนำภูเก็ตโมเด็ลไปขยายผลว่า การเรียนรู้งานที่ภูเก็ตทำให้เห็นความพยายามในการดึงแหล่งทุนจากต่างประเทศมาช่วยสนับสนุน รวมทั้งมีการยกระดับพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องมือ กล้อง CCTV กล้องตรวจจับ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับความเร็ว การไม่สวมหมวกนิรภัย น่าจะเป็นอีกโมเดลหนึ่งที่ต้องดำเนินต่อไปในอนาคต
