จ.ประจวบฯ รณรงค์ออกพรรษาลาเหล้า สร้างสังคมเป็นสุข

ที่มาและภาพประกอบ : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


จ.ประจวบฯ รณรงค์ออกพรรษาลาเหล้า สร้างสังคมเป็นสุข thaihealth


สสส.จับมือเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และชุมชนคนสู้เหล้า จ.ประจวบฯ รณรงค์ออกพรรษาลาเหล้า และขับเคลื่อนงานบุญประเพณีปลอดเหล้า สร้างสังคมเป็นสุข


ที่โรมแรมเกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานแถลงข่าวการรณรงค์  ออกพรรษาลาเหล้า  ครอบครัวอบอุ่น  ชุมชนเข้มแข็ง  มีสติพร้อมสู้ทุกวิกฤต  ฉลองชัยคนหัวใจหิน  ชื่นชมคนหัวใจเหล็ก  เชิดชูคนหัวใจเพชร  จัดโดย  ชุมชนคนสู้เหล้า  24  ชุมชน  และประชาคมงดเหล้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ร่วมกับ  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.)  และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)  มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  12  หน่วยงาน  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง  (MOU)  การขับเคลื่อนนโยบายงานบุญประเพณีปลอดเหล้า  งานบวชสร้างสุขในระดับ  ชุมชน  ตำบล  อำเภอ  จังหวัด


โอกาสนี้  รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ  ได้มอบเกียรติบัตรให้แก่  5  ชุมชนในกิจกรรมการประกวดแผนที่เดินดินชุมชนคนสู้เหล้า  เพื่อรณรงค์ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่  โดยชุมชนที่ชนะเลิศคือ  ชุมชนหัวบ้าน  เทศบาลเมืองประจวบฯ  รวมทั้งมอบเกียรติบัตรให้แก่ชุมชนคนสู้เหล้าทั้ง  24  ชุมชนใน  8  อำเภอของ  จ.ประจวบฯ  และมอบเกียรติบัตรให้แก่คนหัวใจหินที่สามารถงดเหล้าได้ครบพรรษา  3  เดือน  คนหัวใจเหล็กที่สามารถเลิกเหล้าต่อเนื่องได้  1–3  ปี  และคนหัวใจเพชร  ที่สามารถเลิกเหล้าได้มากกว่า  3  ปีถึงตลอดชีวิต  โดยผู้ที่ชนะใจตนเองทั้ง  3  ระดับ  จะมีการต่อยอดการรณรงค์สร้างแกนนำในชุมชนเพื่อเป็นพี่เลี้ยง  ชี้ชวนให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลด  ละ  เลิกการดื่มต่อไป  นอกจากนี้  ยังได้มีการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้คนหัวใจหิน  เหล็ก  เพชร  เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่คิดจะลด  ละ  เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย


นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์   กล่าวว่า  การงดเหล้าเข้าพรรษาเป็นการนำความเชื่อทางศาสนาและศีลธรรมมาต่อยอดการทำงาน  ทั้งด้านสุขภาพ  เศรษฐกิจ  และสังคม  โดยอาศัยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน  พัฒนาในระดับนโยบาย  และใช้กลไกของรัฐทุกหน่วยงานให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน  ซึ่งปัจจุบันเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก  กิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาจึงกลายเป็นกิจกรรมหลัก ที่มีการรณรงค์จากหลายหน่วยงานเพื่อเชิญชวนให้คนไทย  ลด  ละ  เลิก  การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ทั้งนี้แนวทางสำคัญคือการสร้างชุมชนคนสู้เหล้า  รณรงค์เปลี่ยนแปลงค่านิยมไม่จัดเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลงานบุญประเพณีต่างๆ  เพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่  รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายตาม  พ.ร.บ.  ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  พ.ศ. 2551  อย่างเคร่งครัด  ซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาต่างๆ  ทางสังคมและอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


ด้าน  นายปรีดา  สุขใจ  นายอำเภอทับสะแก  ซึ่งได้รับรางวัลนายอำเภอนักรณรงค์  งดเหล้า  ลดปัจจัยเสี่ยง  ปี  2563  กล่าวว่า  หน้าที่สำคัญของนายอำเภอ คือ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน  สาเหตุสำคัญที่สร้างความทุกข์ให้แก่ประชาชนคือเหล้า  จึงมีแนวคิดว่าถ้าทำให้การเลี้ยงเหล้าในงานบวช  งานศพและงานบุญ-ประเพณีต่างๆ  ลดลงได้  ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะลดตามไปด้วย  ปี  2561  จึงเริ่มรณรงค์งดเหล้าจริงจังเริ่มต้นที่  อ.ทับสะแก  จ.ประจวบคีรีขันธ์ 


โดยระดับหมู่บ้านต้องมีกติกาและมาตรการของตนเอง  โดยจัดเวทีประชาคมงานศพปลอดเหล้า  ปลอดการพนัน  ขยายไปงานบุญประเพณีปลอดเหล้า  และรณรงค์งดเหล้าครบพรรษา  ซึ่งแม้หลายคนจะเริ่มจาก  ลด  ละ  ได้ก่อนก็ถือเป็นเรื่องดี  พอทำไปเรื่อย ๆ  นอกจากจะได้ช่วยเหลือเจ้าภาพให้ลดค่าใช้จ่ายแล้ว  ปัญหาเรื่องความวุ่นวาย  การทะเลาะวิวาท  อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับก็ลดลงเป็นเงาตามตัวเช่นกัน  โดยการงดเหล้าจะส่งผลดี  4 ด้าน  คือสุขภาพกาย  สุขภาพจิต  สุขภาพเศรษฐกิจ  และสุขภาพสังคม


นางสาวธนพร  บางบัวงาม  ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  กล่าวว่า  ผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี  2552  ถึงปัจจุบัน  ทำให้เกิดภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็งมีศักยภาพ สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและค่านิยมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละชุมชน  โดยมียุทธศาสตร์สำคัญคือการพัฒนากลไกการจัดการปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และลดปัจจัยเสี่ยง  การปรับเปลี่ยนค่านิยมในงานเทศกาล  งานบุญประเพณี  วันสำคัญทางศาสนา  แเพื่อลดอันตรายจากการดื่ม  ที่เห็นผลชัดเจนที่สุดคือการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา  โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา  จำนวน  24  ชุมชนใน  8  อำเภอของ  จ.ประจวบฯ  รวมจำนวน  1,122  คน


ทั้งนี้  มีรายงานว่าในพื้นที่ภาคตะวันตก  8  จังหวัด  ในปี  2563  ได้มีการขับเคลื่อนชุมชนคนสู้เหล้าจำนวน  65  ชุมชน  มีผู้ร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา  จำนวน  2,154  คน  สามารถประหยัดเงินได้  8,077,952  บาท  โดยมีนายอำเภอนักรณรงค์ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายงดเหล้า  และบุหรี่  ซึ่งในปี  2563  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  มีนายอำเภอที่รับโล่เชิดชูเกียรตินักรณรงค์  งดเหล้า  ลดปัจจัยเสี่ยง  ปี  2563 จำนวน  4 คน  ได้แก่  นายปรีดา  สุขใจ  นายอำเภอทับสะแก  นายไชยชนะ  สุทธิวรชัย  นายอำเภอปราณบุรี  นายเลิศยศ  แย้มพราย  นายอำเภอบางสะพาน  และ  นายศราวุธ  จิระพิทักษ์กุล  นายอำเภอบางสะพานน้อย

Shares:
QR Code :
QR Code