จุดเปลี่ยนเพื่อสุขภาวะ “คนไร้บ้าน” บนศักดิ์ศรีและความเท่าเทียม

เรื่องโดย: อัจฉริยา คล้ายฉ่ำ Team Content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจากงาน เวทีบทบาทการทำงานของสสส. กับการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสุขภาวะคนไร้บ้าน ห้องย่อย 3 ในงาน “เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน ครั้งที่ 3” วันที่ 19 มิถุนายน 2568

ภาพโดย: อัจฉริยา คล้ายฉ่ำ Team Content www.thaihealth.or.th

ปกบทความทันกระแสเรื่อง: จุดเปลี่ยนเพื่อสุขภาวะ “คนไร้บ้าน” บนศักดิ์ศรีและความเท่าเทียม

                 “ทุกคนมีเสียง แต่เสียงของคนไร้บ้านอาจเบาจนสังคมไม่เคยได้ยิน” ไม่ใช่แค่ประโยคสะเทือนใจ แต่คือ ความจริงของผู้คนในกลุ่มเปราะบางได้หล่นหายจากระบบ ที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน ภายใต้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

                  “คนไร้บ้าน” ประชากรที่หลายคนอาจเดินผ่านโดยไม่มองหน้า ไม่ฟังเสียง จึงเป็นเพียงเงาบนทางเท้าและอาจจะไม่เคยคิดว่า… พวกเขามีความฝัน มีสิทธิที่จะมีบ้าน มีความเท่าเทียม ไม่ต่างจากนกต้องการรังเช่นกัน

                 “คุณคือใคร?”

                 …คำถามธรรมดา ๆ ที่กลายเป็นกำแพงมหึมาสำหรับคนที่ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีที่อยู่ ไม่มีวุฒิการศึกษา ไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นคนเร่ร่อน ไม่มีใครค้ำประกัน แม้จะมีความสามารถ ก็ไม่อาจหางานได้ แม้มีศักยภาพก็ถูกมองข้าม

                 ในที่สุดความเงียบของสังคม กลายเป็นกรงขังไม่เห็นรูป การไม่มีตัวตนในระบบ คือการไม่มีสิทธิแม้แต่จะมีชีวิตที่เรียบง่าย สิ่งที่ตามมาคือความเครียดและการเข้าไปอยู่ในวงจรอันตราย ติดยาเสพติด อาชญากรรม เกิดโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพจิตแย่ จนถึงขั้นฆ่าตัวตาย

                 แล้วเมื่อ “เสียงเบา” ดังขึ้นกลางเวที ในงานที่ สสส. จัดขึ้นภายใต้ห้องย่อย 3 “พื้นที่ปลอดภัย เชื่อมโยงเครือข่าย สร้างโอกาส” ในเวที ‘เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน ครั้งที่ 3’ เสียงจากคนไร้บ้านจึงถูกส่งต่ออย่างตรงไปตรงมา

                 ข้อมูลที่สังคมควรรู้บนความท้าทายของการสร้างเสริมสุขภาวะคนไร้บ้าน จาก คุณอนรรฆ พิทักษ์ธานิน (แผนงาน สสส.) บอกว่า สถานการณ์คนไร้บ้านอาจไม่เพิ่มจำนวน แต่ “ความซับซ้อน” กลับเพิ่มชัดเจน ทั้งอายุเฉลี่ยของคนไร้บ้านสูงขึ้น “หน้าใหม่” ที่เพิ่งไร้บ้านใน 2 ปีหลัง มีถึง 39% ปัญหาสุขภาพจิต 31.6% มีภาวะซึมเศร้า 25.3% ไม่เคยได้รับวัคซีนพื้นฐาน พบปอดผิดปกติ, วัณโรค และปัญหาการเข้าถึงการรักษา

                 สถานการณ์เหล่านี้ สะท้อนให้เห็น ภาวะไร้บ้านไม่ใช่แค่ไม่มีบ้าน แต่มันคือการไม่มีสิทธิในชีวิตพื้นฐานของมนุษย์ และยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในมิติสาธารณสุขและความมั่นคงของชีวิตโดยรวม

 นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

                 นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย นายแพทย์เชี่ยวชาญ สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เสริมว่า …ปัญหาเศรษฐกิจและครอบครัว คือ ปัจจัยหลักที่ผลักคนสู่สภาวะไร้บ้าน หากยังขาดระบบรองรับ คนไร้บ้านก็ยังคงแค่ “ผู้ถูกสงสาร” หรือ “ผู้รอรับความช่วยเหลือ” มากกว่าพลเมืองที่มีศักยภาพ

                 นายสุจิตต์ ไตรพิทักษ์ (กรรมการ สสส.) ขยับมากกว่าคำว่าช่วยเหลือ โดยเน้นว่าคนไร้บ้าน คือ พลเมืองที่มีศักดิ์ศรีเท่ากับเรา ไม่ใช่แค่แจกของหรือสร้างศูนย์พักแรม มีนโยบายที่ทำให้พวกเขาตั้งหลักได้ หนุนให้เขาการมีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่ของตัวเอง รวมถึงสิทธิพื้นฐาน บัตรประชาชน การรักษา และอาชีพ

                 ดังนั้น ต้นแบบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้มองแค่การสนับสนุนกลุ่มคนไร้บ้านด้วยการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า แต่ในฐานะเป็นประชากรกลุ่มเฉพาะต้องได้รับการดูแลเชิงระบบ ทั้งในมิติของสุขภาพกาย ใจ และคุณภาพชีวิตโดยรวม ภายใต้หลักสิทธิและความเสมอภาค

นางสาวสมสุข บุญยปรีชา ประธานอนุกรรมการบ้านมั่นคงและการจัดการที่ดิน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)

                 ในมิติของการมีส่วนร่วม นางสาวสมสุข บุญยปรีชา ประธานอนุกรรมการบ้านมั่นคงและการจัดการที่ดิน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) กล่าวว่า โครงการที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้าน ) “ห้องเช่าคนละครึ่ง” รัฐ-เอกชนช่วยแบ่งภาระค่าเช่า (พม.) “ศูนย์คนไร้บ้านโดยคนไร้บ้านเอง” สร้างพื้นที่ปลอดภัยและศักดิ์ศรี (พอช.) การฝึกอาชีพเท่ากับคืนความเป็นคนในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิไม่ต่างจากใคร

                 นายอุเทน ชนะกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ชี้ให้เห็นความก้าวหน้าที่เริ่มตอบสนอง “เสียง” ของคนไร้บ้านอย่างตรงจุด การเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับคนไร้บ้าน คือการมีทะเบียนบ้าน เพราะมันเปิดทางให้พวกเขาได้รับสิทธิและเข้าถึงบริการของรัฐ และการมีทะเบียนบ้าน เพราะมันเปิดทางให้พวกเขาได้รับสิทธิและเข้าถึงบริการของรัฐ คือการมีทะเบียนบ้าน เพราะมันเปิดทางให้พวกเขาได้รับสิทธิและเข้าถึงบริการของรัฐ

                 ดังนั้น เวที “เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน” ครั้งที่ 3 ของ สสส.และภาคีเครือข่ายครั้งนี้ เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า จุดเริ่มต้นของการสร้าง “เสียง” ให้คนไร้บ้านเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบสังคม ไม่ใช่เพียงผู้รอรับความช่วยเหลือ แต่ คือ เจ้าของสิทธิ เจ้าของเมือง และเจ้าของชีวิตตนเองอย่างเท่าเทียม

                 คนไร้บ้านเขามีความฝัน มีสิทธิที่จะมีบ้าน มีความเท่าเทียม จึงไม่ต่างจากนกต้องการรัง และ“นกยังทำรัง” เพื่ออยู่อาศัยเช่นเดียวกับเราที่ต้องการบ้านเช่นกัน ยิ่งย้ำให้เราควรทบทวนว่า สังคมที่ดีไม่ใช่แค่ไม่มีใครจน แต่คือไม่มีใครถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครไร้บ้าน เพราะขาดโอกาสในการเริ่มต้นใหม่

                 อีกทั้ง “สุขภาวะ” สำหรับคนไร้บ้าน ต้องไม่จำกัดแค่การมีสุขภาพดีทางกายเท่านั้น แต่หมายถึงการมีสิทธิในฐานะคนไทยคนหนึ่ง มีที่อยู่อาศัย รายได้ อาชีพ โอกาสทางการศึกษา และมีส่วนร่วมในสังคมเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไป

                 สสส. ขอสนับสนุนทุกความหลากหลาย ให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมไทย ทุกเสียง ทุกตัวตน มีคุณค่า ถึงเวลาที่สังคมต้องไม่แค่ “ให้” แต่ต้อง “คืนสิทธิ” ให้กับพวกเขา” คนไร้บ้าน” อย่างเท่าเทียม

Shares:
QR Code :
QR Code