จับตามาตรการเด็ด 90 วัน แก้ปัญหา“เด็กติดเกม”
สพฐ.กำชับ ร.ร.สอนคอมพิวเตอร์แทรกทักษะชีวิต
เกาะกระแสฮิต ติดอันดับต้น ๆ ของปัญหาเด็กและเยาวชน แบบไม่ตกเทรนด์เลยทีเดียว สำหรับปัญหา “เด็กติดเกม” …ปัญหาที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เมื่อลูกน้อยหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกม จนไม่เป็นอันทำกิจกรรมอื่นเลย บางรายถึงขนาดโดดเรียนไปเล่นเกม บวกกับเกิดคดีสะเทือนขวัญอย่างการฆ่าแท็กซี่เลียนแบบเกมชื่อดัง ล่าสุดกับข่าวเด็ก ป.6 ตระเวนลักทรัพย์เพื่อหาเงินไปเล่นเกม…ยิ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่นสะเทือนไปเลยทีเดียว
จากกรณีดังกล่าว ทำให้หลายหน่วยงานไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ต้องออกมาตรการควบคุมและจัดระเบียบร้านเกม ให้เป็นร้านเกมสีขาว การจัดเรตติ้งเกม พร้อมทั้งถกปัญหากันอย่างเคร่งเครียด ถึงวิธีการแก้ปัญหานี้ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน!!!
โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศเจตนารมณ์แก้ปัญหาเด็กติดเกม ภายใต้โครงการ “90 วันลูกหลานไทย พ้นภัยเกม” โดยมีสาระสำคัญ อาทิ กำจัดร้านเกมเถื่อน ที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง และอยู่ในทำเลที่ไม่เปิดเผย จำหน่ายบุหรี่ สุรา ภายในร้าน ฯลฯ ให้หมดไปภายใน 90 วัน
นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) เปิดเผยว่า กวช.จะมีการสนับสนุนร้านเกมที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้ชื่อ “ร้านเน็ตสีขาว” โดยจะมีสติกเกอร์ติดให้ มีใบประกาศระดับของร้าน 3 ระดับ คือ 1-3 ดาว ซึ่งหากร้านเกมใดได้ 3 ดาวตลอด 1 ปี ก็จะมีใบประกาศเกียรติคุณให้สาธารณะได้รับทราบ
“ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ตที่มาขึ้นทะเบียนจะได้รับคู่มือเพื่อยกระดับร้านตนเอง ตั้งแต่สีแดง เป็น สีเหลือง และเป็นสีขาวตามลำดับ โดยยุทธศาสตร์ ดังกล่าวจะเป็นการเตรียมชุมชน เตรียมผู้ประกอบ การให้พร้อม เพื่อรอเวลาที่กฎหมายลูกออกมาบังคับใช้ และขอย้ำว่ากฎหมายลูกทั้ง 25 ฉบับจะครอบคลุมทุกเรื่อง ตั้งแต่การพัฒนา ส่งเสริม และการปราบปรามผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างจริงจัง กรณีที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง รีดไถ รับส่วย จะมีการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาจนกว่าคดีจะสิ้นสุด” นาย ปรีชา เล่าอย่างออกรส
เลขาธิการ กวช. เล่าต่อว่า ภายใน 90 วัน ร้านเกมที่ผิดกฎหมายและไม่ได้มาตรฐาน จะต้องหมดไป แต่ถ้ายังไม่หมดก็จะต้องมาประเมินกันอีกครั้งว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ซึ่งในช่วงที่เปิดงบประมาณใหม่ ต.ค. นี้ จะตรงกับช่วงที่นักเรียนปิดเทอมพอดี ทาง สวช. ก็มิได้นิ่งนอนใจ โดยจะมีการอบรมศึกษานิเทศก์ทุกพื้นที่เขตการศึกษาทั่วประเทศ ในเรื่องการเลี้ยงดูบุตรในโลกไอที โดยมีวิทยากรจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที), กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ มาให้ความรู้ รวมถึงอบรมให้ความรู้ต่อผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา เพื่อเป็นการป้องกันเด็กไทยในเรื่องเกมต่อไป
ทางด้าน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เปิดเผย เรื่องการแก้ปัญหาเด็กติดเกม ว่า ได้มีการสรุปมาตรการระยะสั้นสำหรับแก้ปัญหา โดยความร่วมมือกับสำนักงานพื้นฐานการศึกษา ( สพฐ.) สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ กำชับ ร.ร.แบ่งเวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศมาแทรกสอนทักษะชีวิตเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ตให้นักเรียนประมาณ 20 % ของเวลาเรียนวิชานี้ทั้งหมด และให้ร.ร.แนะนำผู้ปกครองให้รู้จักการดูแลเด็กในยุคไซเบอร์ ฝึกเด็กให้มีวินัยในการใช้คอมพิวเตอร์ รู้จักการแบ่งเวลาไม่เล่มเกมมากจนติดซึ่งจะแก้ไขพฤติกรรมภายหลังได้ยาก
“ร.ร.จะต้องจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงออก และจัดสัปดาห์มหัศจรรย์เด็กไทย จัดประกวดความสามารถต่างๆ ที่ไม่เน้นแพ้ชนะแต่เน้นให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความสามารถ เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กติดเกมนั้น เพราะเขาโหยหาการสร้างความภาคภูมิใจให้ตัวเอง เมื่อเรียนไม่เก่ง ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถ จึงหันไปติดเกมแทน” นพ.บัณฑิต กล่าวถึงที่มาของปัญหาเด็กติดเกม
นพ.บณฑิต เล่าต่อว่า นอกจากนี้ทาง สพฐ.จะส่งเสริมให้ ร.ร.เปิดชมรมภายใน ร.ร.ให้มากและหลากหลายขึ้น ภายใต้สโลแกน 100 ชมรม 10,000 คนเก่ง เพื่อให้เด็กได้มีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ทำตรงตามจริตของเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กได้ค้นพบตัวเอง ค้นพบความสามารถของตัวเอง วิธีนี้จะช่วยแก้พฤติกรรมเด็กติดเกมได้ รวมทั้งจะส่งเสริมให้เด็กคิดกิจกรรมแก้ปัญหาเด็กติดเกมเองด้วย ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น จะให้มีการปรับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ใช้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ให้ครอบคลุมปัญหาใหม่ ๆ และจะให้มีการวิจัยศึกษาหาวิธีจัดการเรียนการสอนทักษะชีวิตแบบบูรณาการ สามารถสร้างภูมิคุ้มทุกปัญหาให้กับเด็ก
ที่น่าตกใจสำหรับการแก้ปัญหาเด็กติดเกม คือ เมื่อผลการสำรวจตลาดเกม กลับพบว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดเกมของไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 20% โดยปี 2551 คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8 พันล้านบาท !!! … มาตรการที่ออกมาแก้ปัญหาเรื่องเด็กติดเกมนั้นจะได้ผล หรือไม่อย่างไร คงต้องจับตามองกันต่อไป….
เรียบเรียงโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 24-09-51