จัดสรรเวลา สร้างสมดุลชีวิต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
กรมสุขภาพจิต แนะคนไทยรู้จักจัดสรรเวลาสำหรับงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว เพื่อสร้างสมดุลชีวิต เผยการมีสุขภาพกาย-จิตที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่ส่งผลต่อความสุขของคนไทย พร้อมแนะแนวทางสร้างสุขด้วยบัญญัติสุข 10 ประการ ที่จะช่วยให้มีความสุขมากขึ้น
นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้เป็นวันความสุขสากล (The International Day of Happiness) จากผลสำรวจความสุขคนไทยปี 2558 โดยความร่วมมือระหว่างกรมสุขภาพจิตสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้วยแบบสำรวจสุขภาพจิตคนไทย ฉบับสั้น 15ข้อ พบว่า การจัดสรรเวลาสำหรับงาน/ชีวิตส่วนตัว/ครอบครัวได้ดีและการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่ส่งผลต่อความสุขของคนไทย โดยพบว่า การจัดสรรเวลาสำหรับงาน/ชีวิตส่วนตัว/ครอบครัวได้ดี จะมีความสุขมากกว่า 4.2 เท่า ขณะที่ การมีสุขภาพดี จะมีความสุขมากกว่า 3.9 เท่า วันความสุขสากล ปีนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนมาร่วมกันสร้างความสุขง่ายๆ ที่สร้างขึ้นได้ในทุกวัน เริ่มจากตัวเอง ด้วยการจัดสรรเวลา สร้างสมดุลให้กับชีวิต อีก 1 แนวทางสร้างสุขในบัญญัติสุข 10 ประการ ที่สมาชิกแฟนเพจสุขสร้างได้ (SUKSANGDAI) ในวัยต่างๆ จากทุกภาคทั่วประเทศ โหวตให้เป็นวิธีสร้างสุข ลำดับที่ 5 ต่อจาก "ให้เวลา ขยับกาย กระจายสิ่งดี" ที่ได้รณรงค์ เมื่อปี 2558 และ "คิดบวก ชีวิตบวก" เมื่อปีที่ผ่านมา
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า การจัดสรรชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงานให้มีประสิทธิภาพหรือการรู้จักใช้ชีวิตอย่างสมดุลจะช่วยสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้ จึงควรทำให้เส้นกันระหว่างชีวิตครอบครัวและชีวิตการทำงานเป็นเส้นบางที่สุด อาจทำได้โดย 1.ใช้หลัก 8-8-8 โดยแบ่งเวลา 8 ชัวโมงสำหรับการทำงาน ใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่ในหน้าที่ 8 ชั่วโมงสำหรับการนอนหลับพักผ่อน และ 8 ชั่วโมงสำหรับการดูแลครอบครัว เอาใจใส่คนที่เรารักตอบแทนผู้มีพระคุณ ออกกำลังาย หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายเพลิดเพลิน ตลอดจน พัฒนาตนเอง และ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง พึงระลึกเสมอว่า ชีวิตนี้ไม่ได้มีแต่งาน เรายังมีครอบครัว มีเพื่อน และคนที่เรารัก 2.ดูแลรักษาสุขภาพ พึงระลึกเสมอว่า สุขภาพดีไม่มีขายร่างกายคือต้นทุนอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้สามารถทำหลายๆ สิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ 3.การวางแผนทำงาน กำหนดเป้าหมายจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง พึ่งระลึกเสมอว่า เราไม่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง อย่าให้ความสำคัญกับทุกเรื่องเท่าเทียมกัน มอบหมายงานที่สำคัญน้อยกว่าให้ผู้อื่นทำแทนบ้าง 4.ฝึกคิดบวกเสมอ เพราะแต่ละวันต้องทำงานร่วมกับผู้คนมากมาย ทำให้เกิดความเครียดและอยู่กับความคิดด้านลบได้ เช่น กังวล ท้อแท้ โกธร เกลียด เสียใจ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้นจะไปกัดกร่อนเวลาและสุขภาพกายใจเราไปทีละน้อย จึงควรหันมาโฟกัสในสิ่งที่ที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนจะดีกว่า และ 5.ใช้ชีวิตให้พอดี หรือเดินทางสายกลาง ไม่เครียดหรือสุดโต่งเกินไป อย่าทำให้ตนเองต้องลำบาก หรือ หย่อนยานจนเกินไป
"เราทุกคนสามารถสร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองในทุกวัน ทุกเวลา และทุกสถานที่ มาร่วมสร้างและส่งต่อความสุขไปยังคนรอบข้างด้วยกันตั้งแต่วันนี้ ด้วยการจัดสรรเวลา สร้างสมดุลให้กับชีวิต ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขเท่านั้น ยังจะทำให้คนสำคัญในชีวิตของเรามีความสุขไปด้วย พึงระลึกไว้เสมอว่า การมีคนรักหรือครอบครัวที่อบอุ่น มีความรักความผูกพันที่แน่นแฟ้น ย่อมเป็นกำลังใจสำคัญในการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต ตลอดจนส่งผลให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามไปด้วย" อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว