จัด’กระเช้าปีใหม่’เน้นคุณภาพ
ใส่เหล้ามีโทษทั้งจำและปรับ
‘รองผู้ว่าฯกทม.‘เรียกห้างดังประชุม กำชับจัดกระเช้าปีใหม่เน้นคุณภาพสินค้า มีฉลาก อย.รับรอง เตือนผู้ประกอบการจัดกระเช้ามีเหล้าเจอคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานประชุมชี้แจงห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการร้านค้า ถึงการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2554 ร่วมด้วย นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัด กทม.นางมนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย โดยมีผู้แทนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างแมคโคร ฯลฯ เข้าร่วมรับฟัง
พญ.มาลินี แถลงหลังประชุมว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ กทม.กำหนดหลักเกณฑ์ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการที่รับจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่เพื่อควบคุมดูแลการจัดและจำหน่ายกระเช้าทั้งคุณภาพและตัวสินค้าสำหรับปีนี้ กทม.จะร่วมมือกับชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเข้าไปดูแล ซึ่งนอกจากจะควบคุมในห้างสรรพสินค้าแล้ว กทม.ยังจะไปตรวจตามร้านโชห่วย และตลาดนัดอีกด้วย อีกทั้งห้างร้านที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการติดป้ายประกาศข้อความว่า “หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายใน 28 กุมภาพันธ์2554″ และ “กระเช้าของขวัญนี้ได้เข้าร่วมโครงการควบคุมคุณภาพสินค้าในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่2554 ของกรุงเทพมหานคร” เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกซื้อกระเช้าของผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องไม่เอาเปรียบผู้บริโภค
“ปีที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ร้องเรียนเรื่องคุณภาพสินค้า และวันหมดอายุ แต่คิดว่าปีนี้ไม่น่ากังวล เนื่องจากมีชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาร่วมมือด้วย จะลงพื้นที่สุ่มตรวจกระเช้าในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ นอกจากนั้นทางสำนักอนามัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จะออกสุ่มตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า พร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการดำเนินการจัดและจำหน่ายกระเช้าตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง” พญ.มาลินีกล่าว
พญ.มาลินี กล่าวถึงหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2554 ประกอบด้วย กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ให้เลือกสินค้าที่คุณภาพดี มีฉลาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับรองสินค้าที่นำมาบรรจุลงกระเช้า ต้องมีระยะเวลาก่อนหมดอายุอย่างน้อย 6 เดือน มีตราแสดงสัญลักษณ์ หรือชื่อสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญ สำหรับกระเช้าประเภทผักผลไม้ เลือกสินค้าที่ใหม่ สดมาจัดลงกระเช้า แสดงวันเดือนปีที่บรรจุ และตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน ส่วนกระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ให้ผู้ประกอบการกำหนดพื้นที่ตั้งวางกระเช้าให้ชัดเจน แยกจากกระเช้าประเภทอื่นๆ จัดทำป้ายบอกบริเวณที่จำหน่ายว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น”แสดงวันหมดอายุของสินค้า และกระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ เช่น กระเช้าขนมไทย กระเช้าเครื่องสำอาง กระเช้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้นกำหนดบริเวณตั้งวางกระเช้าจำหน่ายให้ชัดเจนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แสดงวันหมดอายุของสินค้า
พญ.มาลินี กล่าวว่า กระเช้าของขวัญให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 30 (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 32 กรณีที่มีการกระทำที่เป็นการโฆษณาหรือสื่อสารการตลาดร่วมด้วย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับวันละไม่เกิน 50,000 บาทตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ออกประกาศฉบับที่ 8/2552 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2552
ด้านนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ช่วงใกล้ปีใหม่เครือข่ายฯมีมาตรการในการเฝ้าระวังการกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯโดยเฉพาะในสถานที่ราชการที่มีการจัดงานสังสรรค์ แต่กลับละเมิดจำหน่าย แจก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งถือว่าผิดตามมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ ซึ่งปัจจุบันยังละเมิดอยู่ในรูปของการจัดงานเทศกาลประจำปี งานกาชาดจังหวัด หรืองานฤดูหนาวของทางภาคเหนือ
“สำหรับพวกจัดนอกสถานที่ราชการก็จะมีการเฝ้าระวังในเรื่องของการทำผิดกฎหมายฐานโฆษณา ส่งเสริมการขาย หรือเอาเครื่องดื่มไปแจก หรือเป็นของรางวัล ซึ่งพวกนี้ผิดมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ฯ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หากเครือข่ายพบการกระทำผิดจะแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งแจ้งโดยตรงไปที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของกระทรวงสาธารณสุข ทันที” นายธีระกล่าวและว่า เครือข่ายยังร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการจัดโครงการปาร์ตี้สนุกได้ ไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งจะเชิญชวนบริษัท โรงงาน สถานประกอบการต่างๆ เข้าร่วมโครงการจัดงานสังสรรค์ไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยหันมาใช้น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพรแทน ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 50 แห่งขณะเดียวกันช่วงสิ้นปีจะมีความร่วมมือกับวัดต่างๆ เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมนับถอยหลังด้วยการสวดมนต์ ภาวนาในการเริ่มชีวิตใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ และตั้งมั่นแน่วแน่จะลด ละ เลิกเหล้า รวมทั้งสิ่งอบายมุขต่างๆ ด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
update : 02-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร