งานไหมขอนแก่น ลดสถิติเจ็บตาย
กลายเป็นต้นแบบงานกาชาดที่ปลอดภัยแห่งแรกของไทย
หลังการจัดงานไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ที่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ห้ามจำหน่ายและดื่มตลอดบริเวณการจัดงาน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ถึง 10 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าผลการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณงาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหตุทะเลาะวิวาท บาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุ ลดลงจากปีที่ผ่านมาเป็นอันมาก
นายศุภชัย ลีเขาสูง ป้องกันภัยจังหวัดขอนแก่น กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จังหวัดได้แต่งตั้งหน่วยเฉพาะกิจปราบแอลกอฮอล์ ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อดูแลควบคุมการกระทำผิดกฎหมายตามประกาศจังหวัด เรื่อง มาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดงานเทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ด้วยการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอย่างจริงจังตลอด 12 วัน ทำให้สามารถลดการทะเลาะวิวาทลงอย่างชัดเจน จากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยเกิดเหตุวันละ 5–6 ครั้ง สำหรับปีนี้แทบจะไม่มีให้เห็นเลย เนื่องจากมีการห้ามดื่มและขายในงานอย่างเด็ดขาด ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ตลอดจนสถานประกอบการ ผู้ประมูลงาน และธุรกิจแอลกอฮอล์ที่เข้าใจและให้ความร่วมมือ จนทำให้ไม่มีปัญหาการทะเลาะวิวาทและเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา
จากสถิติข้อมูลการก่อเหตุทะเลาะวิวาทและอุบัติเหตุในงานไหมจังหวัดขอนแก่น เปรียบเทียบระหว่างปี 2552 และ 2553 พบว่าลดลงทั้งจำนวนและความรุนแรง
ผศ.ดร.อนุชา นิลประพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มาร่วมงานไหม จำนวน 600 คน พบว่า เห็นด้วยในระดับมากที่สุดที่จะให้งานไหมเป็นงานที่มีความปลอดภัย และไม่มีการดื่มขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเกิดการทะเลาะวิวาท 87.1% เห็นด้วยอย่างมากที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการเที่ยวงาน ร้อยละ 89.4% เห็นด้วยอย่างมากที่ไม่ควรรับการสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 78.4% และเห็นด้วยอย่างมากที่สุดที่รัฐบาลควรส่งเสริมการจัดงานประเพณีให้เป็นการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย 75.3% นอกจากนี้ยังมีการสังเกตพบว่าไม่มีร้านหรือซุ้มจำหน่ายเหล้าเบียร์หรือยาดองตามถนนรอบงานและในบริเวณงานเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้อย่างชัดเจน มีเพียงส่วนน้อยที่ยังลักลอบขายบริเวณงาน ส่วนใหญ่จะเป็นเหล้าขาวบรรจุในภาชนะเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เพื่อขายให้กับเด็กวัยรุ่นที่มาดูวงดนตรีในแต่ละคืน นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการจัดงานไหมให้มีคุณค่ามากขึ้น เพราะที่ผ่านมาจะมีปัญหาการดื่มแล้วชกต่อยกันของเด็กเยาวชน ทำให้บาดเจ็บหรือตายบ่อยๆ จังหวัดขอนแก่นจึงควรกำหนดให้เป็นนโยบายอย่างต่อเนื่อง ก็จะกลายเป็นต้นแบบจังหวัดแรกของประเทศไทย เช่นเดียวกับการจัดงานสงกรานต์ถนนข้าวเหนียว ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้ขอนแก่นเป็นอย่างมาก ดร.อนุชา กล่าว
ด้านนายนิรุจน์ อุทธา ผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนบน กล่าวว่า การจัดงานไหมไร้แอลกอฮอล์ปีนี้ ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถเป็นต้นแบบการจัดงานกาชาดที่ปลอดภัยเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะมีรูปแบบ กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายภาคประชาชน และได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการต่างๆเป็นอย่างดี โดยเฉพาะมีการประกาศเขตห้ามดื่มห้ามขาย และมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง มีการแต่งตั้งคณะกรรมการหน่วยเฉพาะกิจปราบแอลกอฮอล์เป็นการเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย เตือน จับ ปรับ อย่างจริงจัง ทำให้ผลการดำเนินงานประสบผลสำเร็จดังกล่าว
นอกจากนี้ หน่วยเฉพาะกิจปราบแอลกอฮอล์ โดยนางสาวธัญญลักษณ์ อัมพวัน นิติกรประจำสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการหน่วย กล่าวว่า ได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สรรพสามิต สาธารณสุขจังหวัด และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด เพื่อหารือการใช้มาตรการ พักใช้ งด และเพิกถอนใบอนุญาตจำหน่ายสุราแก่ร้านค้าที่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่ทำความผิดซ้ำซากในงานไหม ทั้งนี้จะขยายผลไปยังสถานประกอบการอื่นๆในจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย ซึ่งถือเป็นมาตรการทางกฎหมายที่ต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาเครื่องดื่มอันตรายเหล่านี้ต่อไปจนถึงช่วงปีใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้จังหวัดขอนแก่นเป็นต้นแบบการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำหรับจังหวัดอื่นๆต่อไป
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะสถานประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อช่วยกันลดปัญหาทางสังคมต่อไป นางสาวธัญญลักษณ์ กล่าว
สำหรับประชาชนทั่วไปที่มาร่วมงานไหมปีนี้ ส่วนใหญ่มีการรับรู้ว่างานไหมห้ามดื่มห้ามขายเหล้าเบียร์เพราะมีการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุกระจายเสียงบ่อยๆ และเห็นด้วยกับนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัด นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำเช่นนี้มาก่อน นายพล มูลสาร ยมทูตเตือนใจนักรณรงค์งดเหล้า กล่าวว่า ท่านผู้ว่าคิดถูกแล้วที่เลือกความปลอดภัยของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์จากบริษัทแอลกอฮอล์ ตนจึงอยากให้งานไหมเป็นงานไร้แอลกอฮอล์ตลอดไป นายพล กล่าว
ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสานตอนบน
update 16-12-52
อัพเดทเนื้อหา : อารยา สิงห์สวัสดิ์