‘คำบง’ ห้ามขับเร็วเกินกำหนด เจอเมายึดรถทำงานจิตอาสา
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
‘คำบง’ ตั้งมาตรการลดอุบัติเหตุ ลดพฤติกรรมขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่สวมหมวกกันน็อก พร้อมกำหนดความเร็วในหมู่บ้านไม่เกิน 40 กม.ต่อชม.
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมสานพลังเครือข่ายขับเคลื่อนรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์ ณ โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดรธานี ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่ารัฐบาลได้สั่งการให้ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในประเทศไทยแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนโดยเฉพาะการใช้ความเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 บนท้องถนน ขณะนี้ทุกพื้นที่ได้พยายามขับเคลื่อนและออกแบบการทำงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ตนเอง โดยเฉพาะการสื่อสารเนื่องจากสถานการณ์การขับขี่ของแต่ละจังหวัดจะเป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่
นายธวัชชัย ทองทิพย์ นายกเทศมนตรีตำบลคำบง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ต.คำบง มีประชากรทั้งสิ้น 7,053 คน ที่ผ่านมาได้วิเคราะห์จุดเสี่ยง คือ มีทางแยก ทางโค้ง ถนนระหว่างหมู่บ้าน รวมไปถึงรถบรรทุกอ้อยสูงเกินที่กำหนด นอกจากนี้ได้ลดพฤติกรรมเสี่ยง คือ การขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่สวมหมวกกันน็อกโดยเน้นใช้ 3 มาตรการหลัก คือ 1.กำหนดให้พื้นที่เขตเทศบาลสวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย 100% 2.ชุมชนออกมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจน เช่น ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายต้องสวมหมวกกัน น็อกทุกครั้ง หากพบฝ่าฝืนจะตักเตือน 3 ครั้ง จากนั้นให้ไปทำงานจิตอาสาในชุมชน 1 วัน หรือหากพบการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ยานพาหนะ จะยึดกุญแจ ยึดรถ ทำงานจิตอาสาในชุมชน 1 วัน และส่งตำรวจ
พร้อมกำหนดความเร็วในหมู่บ้านไม่เกิน 40 กม.ต่อชม. หากพบฝ่าฝืนจะตักเตือน 1 ครั้ง ทำงานจิตอาสาในชุมชน 1 วัน และส่งตำรวจ เป็นต้น ทั้งนี้จะมี ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสมาชิกสภาเทศบาล อสม. อปพร. ประธานชมรมผู้สูงอายุ สอดส่อง และ 3. มาตรการโรงเรียนต้นแบบบุคลากรขับรถในเขตโรงเรียนไม่ขับรถเร็วเกิน 20 กม.ต่อชั่วโมง นอกโรงเรียน ไม่เกิน 60 กม.ต่อชม.
นายธวัชชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เสียงตามสายถึงสถิติการบาดเจ็บ ในทุกเช้าวันจันทร์ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 60 เป็นต้นมา ประชาสัมพันธ์มาตรการ เจอ ปรับ จับจริง ทุกวันพุธและวันอาทิตย์ ที่ตลาดนัดบ้านเจริญสุข โดยการตั้งด่านตักเตือนส่วนจุดเสี่ยงคือโค้งร้อยศพ ได้ขยายถนนให้เป็น 4 ช่องทางเดินรถได้ และรถอ้อยต้องบรรทุกไม่เกิน 4 เมตร อาศัยความร่วมมือและการประกาศเสียงตามสายในทุก ๆ วันจะสอดแทรกเรื่องอุบัติเหตุเข้าไป เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ รวมถึงใช้วัสดุในหมู่บ้าน เช่น ล้อรถยนต์มาทาสีวางทางโค้งเตือนผู้ขับขี่ลดความเร็ว "ล้อ ลด อันตราย"