ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่
ที่มา : หนังสือบุหรี่ ภัยร้าย ทำลายคุณ
แฟ้มภาพ
เมื่อคุณลองหันไปมองรอบๆข้าง แล้วเห็นซองบุหรี่ที่มีคำว่า ไลท์ หรือ ไมลด์ แล้วรู้สึกว่า อย่างน้อยๆ ถ้าเลิกบุหรี่ไม่ได้ ยังมีทางเลือกที่ได้รับอันตรายน้อยกว่า ขอให้เตรียมใจไว้ เพราะแท้จริงแล้ว บุหรี่รสอ่อนเหล่านั้น อันตรายยิ่งกว่า
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่
1.ก้นกรองบุหรี่ช่วยลดอันตราย จากการสูบบุหรี่ได้
เป็นความเชื่อที่ผิดแท้จริงแล้วก้นกรองบุหรี่ ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างกายปลอดภัยขึ้น เพราะส่วนที่เป็นก้นกรองไม่สามารถสกัดสารนิโคตินหรือสารไฮโรดรคาร์บอนที่อยู่ในบุหรี่ออกได้ทั้งหมด
2.บุหรี่รสอ่อนมีอันตรายน้อยกว่า
บุหรี่ชนิดที่เรียกว่า “ไลท์” หรือ “ไมลด์” โดยระบุว่าเป็นบุหรี่ชนิดรสอ่อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่จากผลการวิจัย พบว่า บุหรีทั้งสองชนิดมิได้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาแต่อย่างใด เพียงแต่ต่างกันที่รสชาติเท่านั้น อันตรายของบุหรี่รสอ่อน คือทำให้ผู้สูบติดบุหรี่ง่ายขึ้น เพราะสูบแล้วจะไม่ระคายคอ สามารถสูบได้ลึกและอัดควันอยู่ในปอดได้นานขึ้น ผลคือ ทำให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้นด้วย
3.สูบบุหรี่ทำให้หายเครียด
แท้จริงความเครียดดังกล่าว น่าจะมาจากการที่ร่างกายต้องการได้รับสารนิโคตินทุกครั้งที่สูบบุหรี่ สารนิโคตินจะเข้าสู่ร่างกาย โดยร้อยละ 95 จะจับอยู่ที่ปอด บางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต เมื่อใดที่ระดับของสารนิโคตินลดลงจากที่เคยมีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนมวนบุหรี่ที่ผู้สูบ สูบต่อวัน และจะทำให้เกิดอาการขาดสารนิโคติน คือกระวนกระวาย หงุดหงิด ขาดสมาธิ มึนศีรษะ เหม่อลอย บางคนนอนไม่หลับ และบางคนมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ถ้าผู้สูบบุหรี่ไม่มีความตั้งใจแน่วแน่ในการเลิกสูบ ก็จะหวนกลับไปสูบอีกเพื่อระงับอาการเหล่านี้
4.ถ้าหยุดสูบทันทีจะทำให้ป่วย
ในผู้ที่หยุดสูบบุหรี่มักจะถูกตรวจพบว่าเป็นโรคต่างๆ มากที่สุด ภายในปีแรกที่เลิกสูบบุหรี่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะความจริงที่ว่า โรคต่างๆได้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ผู้สบจะหยุดสูบบุหรี่ได้ และแม้ว่าจะเลิกบุหรี่ได้ โรคที่เป็นอยู่แล้วมักจะแสดงออกภายหลังจากที่เลิกสูบบุหรี่ จึงทำให้เข้าใจผิดว่า ป่วยเพราะการหยุดสูบบุหรี่ และทำให้การเลิกสูบบุหรี่ไม่สำเร็จ
5.ยาเส้นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ซอง
สถานการณ์การบริโภคบุหรี่มวนเอง (ยาเส้น) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อาจเนื่องจาก ราคาถูกกว่าบุหรี่ซองหลายเท่า แต่ผลที่เกิดขึ้นพบว่ามีอันตรายเหมือนกันทุกอย่าง คือ ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก ซึ่งสรุปว่าบุหรี่ทั้งสองชนิดมีโทษและพิษภัยต่อระบบทางเดินหายใจไม่ต่างกัน
6.การสูบบุหรี่ทำให้มีความมั่นใจ
สาเหตุที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ติดบุหรี่ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความมั่นใจในตนเอง ทันทีที่สูบบุหรี่เข้าไป สารนิโคตินจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดและสมองอย่างรวดเร็ว แทบไม่ถึง 10 วินาที จากนั้น สารนิโคติน จะกระตุ้นการหลั่งของสารโดปามีน จากต่อมไร้ท่อใต้สมองและเพิ่มการหลั่งสารนอร์อีพิเนฟริน ซึ่งมีผลทำให้เกิดการตื่นตัวและมีพลังจึงอยากจะสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ และทำให้ติดบุหรี่ในที่สุด
7.การสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติของคนธรรมดาทั่วไป
ที่ผ่านมาสังคมยังไม่ตระหนักถึงผลเสียของการสูบบุหรี่มากนัก จึงทำให้มีผู้สูบบุหรี่ให้เห็นทั่วไปจนชินตา หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสูบบุหรี่ แต่ในปัจจุบัน มีผลการศึกษาออกมายืนยันแล้วว่าการสูบบุหรี่และยาสูบอื่นๆ เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ไม่สูบที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เกิดโรคและผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกาย และนำมาซึ่งการเสียชีวิตทั้งที่สามารถป้องกันได้
8.สูบซิการ์ปลอดภัยกว่าสูบบุหรี่
น้อยคนที่จะรู้ว่าการสูบซิการ์ เป็นอันตรายยิ่งกว่าการสูบบุหรี่เสียอีก เพราะในซิการ์มาตรฐานหนึ่งออนซ์ให้สารทาร์ มากกว่าบุหรี่ 1 มวน ถึง 7 เท่า ให้ก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ มากกว่า 11 เท่า และ ให้สารนิโคตินมากกว่าถึง 4 เท่า
9.การสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล
เป็นความจริงที่ว่าการสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เนื่องจากการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดโรคมากมายทั้งต่อสู้ผู้สูบเองและผู้ใกล้ชิด รวมถึงเป็นสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตที่ป้องกันได้ องค์การอนามัยโลกจึงขอให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้เรื่องของโทษและพิษภัยบุหรี่ให้มากขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนสูบบุหรี่น้อยลง