คลิปเล่าความใน มุมที่ไร้คนมองของเด็กช่างกล

อีกส่วนหนึ่งที่คนมองข้าม

 

คลิปเล่าความใน มุมที่ไร้คนมองของเด็กช่างกล

          บรรยากาศยามบ่ายของค่ายกิจกรรม “เปิดพื้นที่หัวใจวัยโจ๋”ในสวนแสงอรุณจ.นครนายก เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงกันวาดแผนผังการสร้างอนาคต จุดมุ่งหมายของความฝันให้ตัวเอง เป็นแผนง่ายๆ เริ่มจากการโยงรูปตัวแทนตัวเองยืนอยู่ในโรงเรียน ลากเส้นทางไปสู่การเรียนในระดับที่สูงขึ้น หรือตามแผนที่พวกเขาวาดฝันไว้ จบลงที่การมีครอบครัว มีการงานที่พวกเขาถนัด อยากเปิดร้านซ่อมรถ เป็นช่างเชื่อมใต้น้ำ หรือกระทั่งแผนระยะยาวอีก 25 ปีข้างหน้าจะมีโรงงานเป็นของตัวเอง

 

          แผนผังที่วาดขึ้น ไม่ได้รวมอุปสรรคระหว่างการก้าวไปให้ถึง ไม่ใช่เพราะพวกเขามองไม่เห็นมัน แม้จะไม่ชัดแจ้งไปทุกย่างก้าว ด้วยยังอยู่ในวัยที่ไม่ประสาโลก แต่ลึกๆ แล้วพวกเขารู้ดีว่ามันรออยู่ในรูปของอะไรบ้าง อย่างน้อย ในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เมื่อออกจากค่ายอบรม กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่ตามพวกเขากลับไปด้วยก็คือ การถูกตราหน้าว่า เป็นเด็กเหลือขอ เด็กช่างกล เด็กไร้อนาคต อันธพาล หรือเศษสวะของสังคม เพียงเพราะพวกเขาเป็นเด็กที่เลือกเรียนสายอาชีพ เลือกเรียนอาชีวศึกษา

 

          ไม่ค่อยมีใครฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการพูดจากใจ นานวันเข้า พวกเขาเริ่มคิดไปเองเช่นกันว่าเมื่อไม่มีใครอยากฟัง ก็ป่วยการที่จะบอกเล่าสิ่งที่ต้องการพูด บ้างก็ลืมกระทั่งวิธีการสื่อสารกับผู้ใหญ่ ครู คนกลุ่มอื่นๆ ที่ยากที่สุดคือกับเพื่อนต่างสถาบัน หลายเรื่องจึงกลายเป็นความอัดอั้นใจ ทั้งด้วยตกอยู่ในฐานะผู้ที่ไร้พื้นที่แก้ต่างให้กับการถูกเข้าใจผิด และการถูกเหมารวมว่าเลวเหมือนกันหมด เลวมาตั้งแต่กำเนิด หรืออีกสารพัดจะเรียก

 

          วันนี้ พวกเขาได้ค้นพบช่องทางหนึ่งในการถ่ายทอด บอกเล่าสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ

 

          คลิปวิดีโอ คือ ไฟล์ภาพเคลื่อนไหวขนาดไม่ใหญ่มาก มีระยะเวลาในการถ่าย-เล่นเพียงสั้นๆเป็นไฟล์ที่มีรูปแบบการบีบอัดข้อมูลที่แตกต่างกันไป ตามโปรแกรมที่ผู้ผลิตสร้างขึ้นมา ยุคนี้ใครๆ ก็คุ้นกับคลิปวิดีโอ เพราะเป็นสิ่งที่แทบทุกคนผลิตได้เองด้วยกล้องที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือกล้องถ่ายภาพดิจิตอล ขณะที่ภาพลักษณ์ที่อยู่คู่กับคลิป มักเป็นไปในทางลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต่อท้ายด้วยคำว่า หลุด แฉ ลับ ฉาว ฯลฯสิ่งที่ได้พบเห็นมักจะอุดมไปด้วยความรุนแรงเรื่องเพศ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

 

          ด้วยเครื่องมือเดียวกันนี้ แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ได้จัดกิจกรรมให้กลุ่มนักเรียน 1,200 คน จาก 20 จังหวัดทั่วประเทศ ใช้วิดีโอคลิปบอกเล่าความในใจ เปิดโอกาสให้วัยรุ่นระบายสิ่งที่ไม่กล้าบอก เรื่องที่ไม่มีใครอยากฟัง ผ่านมุมมองของตัวเองกิจกรรมครั้งนี้ได้ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร เลือกนักเรียนจำนวน 23 คน จากแผนกต่างๆ หลากครอบครัว หลายปัญหามาช่วยกันผลิตคลิปวิดีโอ ที่พวกเขาบอกว่าจะเป็นปากเสียงแทนพวกเขา

 

          คลิปบอกเล่าความในใจของ คอรีนักเรียนช่างกลปี 2 ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพของต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่ตัวเขาบรรยายว่า มันเป็นภาพแทนตัวเองที่ดูเหมือนจะไม่มีค่าในสายตาของผู้ใหญ่ทำอะไรไร้สาระไปวันๆ แต่สักวันหนึ่งมันจะเป็นต้นไม้อีกต้น โดยหันไปถ่าย

 

          ต้นที่สูงใหญ่ให้ร่มเงา เขาจะเป็นไม้ต้นนั้น ก่อนบรรยายปิดท้ายว่า “ผมจะโตขึ้นมาเป็นครู”สักวันหนึ่ง… ที่คอรี บอกเป็นเส้นทางที่ต้องฟันฝ่าอีกหลายด่าน

 

          ลัดดาวัลย์ เพ็ชรสุขอาจารย์ฝ่ายปกครองของวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร หรือที่นักเรียนเรียกกันติดปากว่า ครูเพชร เล่าว่า เด็กนักเรียนอย่างคอรี รู้ดีว่าแต่ละวัน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง ปัญหาที่พวกเขาแบกรับไว้ ไม่ค่อยจะมีใครรับรู้มากนัก จากประสบการณ์ที่เป็นครูฝ่ายปกครองมา 14 ปี ทำให้รู้ว่าพวกเขาเป็นเด็กที่ปิดตัวเอง จึงหาคนที่จะเข้าถึง

 

          พวกเขายาก ยิ่งได้รวมกลุ่มกัน ก็ยิ่งยากที่จะเปิดรับคนที่อยู่นอกกลุ่ม พวกเขาจะยอมรับคนที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นเพื่อนเท่านั้น ในฐานะครูฝ่ายปกครองจึงต้องเป็นให้ได้ทั้งครูและเพื่อน

 

          ครูเพชร ยังเล่าอีกว่า ถ้าใครได้รู้จักพวกเขาจริงๆ จะเห็นด้านอื่นๆ ไม่ได้มีเพียงด้านเลวอย่างที่สังคมมอง “พวกเขาไม่ใช่โจร เรื่องทะเลาะวิวาทเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ และหลายครั้งเป็นเรื่องที่พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เด็กที่นี่ส่วนใหญ่ยืนยันได้ว่า เวลามีเรื่องตีกัน มักจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พวกเขาก็หนีไปจากวังวนที่ตกลงไปตั้งแต่เลือกเรียนสายนี้ไม่ได้

 

          พวกเขามีด้านอื่นๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้มีใครรู้บ้างว่า เด็กกลุ่มเดียวกันนี้ เวลามีโครงการต้องการอาสาสมัครไปช่วยเหลือสังคม ช่วยซ่อมรถเวลามีเทศกาลสำคัญๆ จะรีบสมัครกันเข้ามาทันที นับวันยิ่งหาคนที่พวกเขาไว้ใจ และเดินเข้าไปหา กล้าเปิดใจ เมื่อมีเรื่องอึดอัดใจหรือเจอปัญหาที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่กล้าบอกผู้ปกครอง ในรั้วสถาบันพอหาได้ แต่นอกรั้วนั้นยากเต็มที”

 

          การเล่าผ่านคลิป อาจจะเป็นทางออกทางเลือกใหม่ๆ ในการบอกเล่าเรื่องที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ทั้งยังช่วยลดความเคอะเขิน ไม่กล้าบอกซึ่งๆหน้ากับทุกๆ คนได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยชดเชย สิ่งที่ครูเพชรอธิบายว่า พวกเขามีอุปนิสัยชอบเก็บตัว วันนี้ แม้จะยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่ แต่เมื่อได้เปิดใจกับกล้อง ก็เหมือนได้พูดกับตัวเองหน้ากระจก กล้าเปิดเผยในแทบทุกเรื่อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านคลิปวิดีโอ

 

          เช่นเดียวกับที่ จักรกฤษ ทับทิมอาจารย์แผนกช่างยนต์ บอกว่า การมาทำกิจกรรมร่วมกันในครั้งนี้ ช่วยเติมเต็มส่วนที่เด็กเหล่านี้มักจะขาด คือเรื่องของการสื่อสารกับคนอื่นๆ “แค่เรียนกันคนละแผนก ก็ยังแทบไม่คุยกัน ยิ่งต่างสถาบันแทบเป็นไปไม่ได้เลย”จักรกฤษ ยังบอกอีกว่า หากคลิปที่ช่วยกันทำในวันนี้ เผยแพร่ไปสู่วงกว้าง จะมีคนอีกมากที่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ ความในใจที่พวกเขาไม่กล้าบอก

 

          คอรี กำลังง่วนอยู่กับการวางแผนเตรียมถ่ายทำอีกคลิปหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เป็นงานกลุ่ม เขาเล่าว่าเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ ความรุนแรงที่เขาพบเห็น ตั้งแต่ก้าวขามาเป็นนักเรียนช่างกล โดยอธิบายสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังช่วยกันถ่ายทำว่า เป็นเรื่องราวของตุ๊กตาตัวหนึ่ง ที่กำลังไต่เชือก เพื่อเดินทางไปดูน้ำในแก้วว่าอยู่ในระดับไหนระหว่างเดินทางตุ๊กตาตัวนี้ต้องพบกับอุปสรรคมีกิ่งไม้ที่เพื่อนอีกคนเอามาขวางไว้ ร่วงจากเชือกต้องไต่ขึ้นไปใหม่ ตุ๊กตาตัวนั้นยังไม่รู้ว่ามีน้ำอยู่แค่ไหนในแก้ว เพราะเป็นแก้วทึบๆ แต่ตัวคอรีและเพื่อนๆ รู้ดี ว่ากำลังพยายามสื่อถึงอะไร

 

          “ปลายเชือกคือ แก้วและน้ำ มองภายนอกอาจจะไม่มีค่ากับใครเลย แต่มันน่าจะมีความหมายกับตุ๊กตาตัวนั้นอยู่บ้าง ถ้ามันไปถึงปลายเชือกอีกด้านหนึ่ง” คอรี สรุปเรื่องที่กำลังเล่าผ่านคลิปว่า จะดีแค่ไหนถ้าคนอื่นๆ เป็นตุ๊กตาตัวนั้นที่พยายามเข้าใจพวกเขาบ้าง ผู้ใหญ่ทุกฝ่ายก้าวเข้ามาช่วยพวกเขาแก้ปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่อย่างต่อเนื่อง จริงจัง หากไม่ได้ในทันที ก็ขอให้ช่วยรับฟังปัญหาที่มีอยู่ก็ยังดี

 

          ในวันเด็ก เยาวชนหลายคนดีใจไปกับกิจกรรมและของขวัญที่ได้รับ เมื่อถามเยาวชนกลุ่มนี้ ว่าอยากได้อะไรส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากได้สิ่งของ พวกเขาใช้เวลาคิดเพียงสั้นๆ เพื่อที่จะตอบว่า “อยากได้ความเข้าใจ ใส่ใจในพวกเขามากกว่านี้”

 

          หากใครยังไม่เข้าใจอีกด้านหนึ่งของพวกเขา ให้แวะไปดูคลิปที่พวกเขาร่วมกันทำขึ้นได้ เพราะหลังจากที่สำเร็จลุล่วงมันจะถูกเผยแพร่ที่ www.dekdue.com

 

          “…พวกเขามีด้านอื่นๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้ มีใครรู้บ้างว่า เด็กกลุ่มเดียวกันนี้ เวลามีโครงการต้องการอาสาสมัครไปช่วยเหลือสังคม ช่วยซ่อมรถเวลามีเทศกาลสำคัญๆ จะรีบสมัครกันเข้ามาทันที…”

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

 

update: 11-01-53

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

Shares:
QR Code :
QR Code