คลินิกเลิกบุหรี่ อีกหนึ่งตัวช่วยพิทักษ์สังคม
ปลอดภัยจากพิษร้ายของบุหรี่
เรื่องของบุหรี่กับสังคมไทยในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า มีหลายๆหน่วยงานได้ออกมาร่วมกันรณรงค์เพื่อให้มีการ ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ ในสิงห์อมควัน อย่างต่อเนื่อง และตรงนี้เองที่จะเห็นได้ว่า ถึงแม้จำนวนผู้สูบบุหรี่หน้าใหม่เพิ่มขึ้นเพียงใด แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่หน้าเก่าที่ต้องการเลิกก็มีเช่นกัน แต่สำหรับนักสูบบางคนที่ต้องการเลิก ก็อาจยังมีปัญหา เนื่องจากการเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเกินไป ทำให้สิงห์อมควันที่พยายามเลิกบางคน หันกลับเข้าสู่วงจรการเข้าสูบบุหรี่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามก็ยังมีโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลหลายๆแห่งที่ตระหนักถึงปัญหาในด้านนี้ จึงได้เปิด คลินิกเพื่อช่วยเลิกบุหรี่หรืออดบุหรี่ขึ้นมา เพื่อเป็นการให้บริการแก่ผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการเลิกสูบให้ได้รับคำแนะนำต่างๆในการที่จะสามารถเลิกบุหรี่ได้
คลินิกอดบุหรี่ของโรงพยาบาลพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก ก็ถือเป็นคลินิกอดบุหรี่อีกแห่งหนึ่ง ที่สามารถช่วยนักสูบบุหรี่ภายในจังหวัดพิษณุโลกหรือจังหวัดใกล้เคียง ที่ต้องการกลับตัวกลับใจเลิกบุหรี่ ให้สามารถเลิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.รัฐภูมิ ชามพูนท อายุรแพทย์ โรคระบบลมหายใจ ประจำโรงพยาบาลพุทธชินราช กล่าวว่า คลินิกอดบุหรี่ของที่นี่เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี2540 โดยเริ่มแรกเป็นการให้บริการในวันพุธและวันศุกร์เท่านั้น รวมถึงการบริการยังไม่ได้เป็นการบริการแบบเต็มรูปแบบ คือเป็นการบริการร่วมกับการให้คำปรึกษาโรคอื่นๆ ทั่วไปรวมถึงห้องที่ใช้บริการก็ยังเป็นห้องที่ใช้ร่วมกับการรักษาโรคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทำให้ในช่วงแรกนั้นจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่เข้ามารับบริการค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่เหล่านั้นเกรงว่าคนอื่นๆในโรงพยาบาลอาจมองว่าพวกเขาเป็นโรคอื่นแทรกซ้อนอื่นๆด้วย
หลังจากนั้นเราก็ได้เปิดให้บริการมาเรื่อยๆ แต่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในคลินิกก็ยังมีจำนวนน้อยเท่าเดิม ถึงแม้จะมีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ในรูปแบบต่างๆแล้วอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้เองที่ทางทีมงานมองว่าควรจะต้องมีการพัฒนาในเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อจะสามารถช่วยผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้
“โดยทีมเราเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลในด้านต่างๆ ร่วมกับนักศึกษาแพทย์ ตัวอย่างการเก็บข้อมูลของเราก็เช่น การสำรวจข้อมูลของคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลในแต่ละเดือนว่ามียอดเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเราก็พบว่าจำนวนผู้ป่วยในแต่ะละเดือน มีจำนวนถึงหนึ่งหมื่นกว่าคน สามารถแยกเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ได้ถึงหนึ่งพันกว่าคน และในจำนวนหนึ่งพันกว่าคนที่ยังสูบบุหรี่นั้น เราพบว่ามีผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ถึงสี่ร้อยกว่าคน” อายุรแพทย์โรคระบบหายใจกล่าว
นพ.รัฐภูมิ กล่าวต่อว่า เมื่อเราศึกษาและเก็บข้อมูลจากหลายๆ ด้านแล้ว เราก็นำเอาข้อมูลที่ได้มาต่อยอดให้เป็นแนวคิดขึ้นที่จะพัฒนาคลินิกให้สามารถบริการคนไข้ได้อย่างสมบูรณ์ จนในเดือน พฤษภาคม ปี2552 ก็สามารถเปิดบริการคลินิกอดบุหรี่อย่างเต็มรูปแบบขึ้นได้ โดยคลินิกเต็มรูปแบบนี้ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ช่วงเวลา แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น โดยมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาลประจำการอยู่ที่คลินิกด้วยหนึ่งคน
สำหรับแนวทางที่ผู้ป่วยจะเข้ามายังคลินิกอดบุหรี่นั้น เราก็จะให้พยาบาลผู้ป่วยนอกที่ประจำตึกได้สอบถามจากผู้ป่วยที่เข้ารักษาโรคอาการต่างๆภายในโรงพยาบาลว่า ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษานั้นมีการสูบบุหรี่ด้วยหรือไม่ ถ้าผู้ป่วยคนไหนตอบว่าสูบ ทางพยาบาลก็จะถามต่อว่าต้องการเลิกหรือไม่ ถ้าเขาตอบว่า อยากเลิกเราก็จะทำการส่งตัวมาที่คลินิก แต่ถ้าคนไหนที่สูบอยู่แต่ยังไม่อยากเลิกเราก็จะให้แผ่นพับที่มีคำแนะนำต่างๆ ซึ่งในอนาคตถ้าเขาพร้อมก็สามารถกลับมาหาเราได้ ส่วนคนที่ไม่สูบเลยเราก็จะย้ำว่าเป็นเป็นเรื่องที่ดี
“สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนนี้คือเรื่องของการทำบัตรคิวให้แก่ผู้ป่วยในช่วงที่ต้องเข้ามาคลินิกของเราเนื่องจากหากไม่มีการทำบัตรคิวให้ผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่ เขาก็ไม่อยากที่จะเข้ามาในคลินิกของเราเนื่องจากจะเสียสิทธิ์ในการตรวจที่มาตรวจโรคก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่หากเรามีบัตรคิวให้ พอคนไข้เข้ามาตรวจกับคลินิกของเราเสร็จ เขาก็สามารถไปตรวจโรคที่รอตรวจก่อนหน้านั้นได้โดยที่ไม่ต้องเสียคิว” อายุรแพทย์โรคระบบหายใจกล่าว
นพ.รัฐภูมิ กล่าวต่อว่าสำหรับรูปแบบการบริการภายในคลินิกอดบุหรี่ในปัจจุบันนั้น ภายในคลินิกจะแบ่งออกเป็น 3 สถานีด้วยกัน สำหรับ สถานีแรกจะเป็นการใช้สื่อวีซีดี เปิดเพื่อให้ผู้ที่ต้องการเลิกได้เห็นถึงพิษภัยที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ ในสถานีที่สอง ก็จะเป็นการเปิดวีซีดี เช่นกัน แต่จะเป็นเรื่องของ คำแนะนำในการเลิกบุหรี่ ว่าถ้าเลิกไปแล้วต้องทำอย่างไร ต้องเจออาการอะไรบ้าง และในสถานีสุดท้ายก็จะเป็นการประเมินการติดบุหรี่ของตัวผู้ป่วยจากการตอบคำถาม รวมถึงการประเมินจากเครื่องวัดคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ในลมหายใจ โดยจะให้ผู้ป่วยทำการเป่าในเครื่องหากผู้ป่วยเพิ่งสูบบุหรี่มาเครื่องก็โชว์ไฟแดงออกมา แต่หากผู่ป่วยหยุดสูบได้ 1 วันขึ้นไปเครื่องก็จะโชว์ไฟเขียว ตรงนี้เองที่เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถอธิบายให้ผู้ป่วยได้เห็นภาพว่า หากเลิกสูบแล้ว สุขภาพจะสามารถดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการจ่ายยาให้ผู้ป่วย
“สิ่งที่พิเศษอีกหนึ่งอย่างในสถานีสุดท้ายนั่นคือ ทางเราได้ให้เจ้าหน้าที่มีการติดตามสอบถามผู้ป่วย โดยการโทรศัพท์เข้าไปสอบถาม ว่าตอนนี้ผู้ป่วยเป็นอย่างไรบ้าง ควรปฎิบัติตัวอย่างไร รวมถึงการให้กำลังใจในการเลิกบุหรี่ด้วย สถานีนี้จึงเหมือนเป็นสถานีที่สร้างแรงบันดาลใจในการเลิกไปด้วยในตัว และผมคิดว่าในอนาคต อาจมีการนำผู้ที่เคยติดบุหรี่แล้วสามารถเลิกบุหรี่ได้เข้ามาเป็นอาสาสมัครประจำคลินิก เพื่อที่จะได้ให้คำแนะนำที่ดีกับผู้ที่ต้องการเลิกได้ เนื่องจากเคยผ่านประสบการณ์ตรงนั้นมาก่อน จึงสามารถอธิบายและให้คำแนะนำอย่างลึกซึ้งได้” นพ.รัฐภูมิ กล่าว
นพ.รัฐภูมิ ยังกล่าวทิ้งท้ายในเรื่องของบุหรี่ไว้ว่า การที่เราต้องต่อสู้กับปัญหาในเรื่องของบุหรี่ทั้งหมดนั้นไม่ว่าจะเป็นส่วนของบริษัทบุหรี่เองหรือ ผู้ที่สูบบุหรี่ก็ตาม ตนมองว่าการที่เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้นั้น เราต้องมีการหาแนวร่วมให้ได้มากที่สุด โดยแนวร่วมที่กล่าวถึงนั้นก็คือ ผู้ที่สูบบุหรี่ เพราะถ้าหากเราสามารถชักชวนให้ผู้ที่สูบบุหรี่หันมาเลิกสูบบุหรี่ได้มากขึ้นแล้ว ตนเชื่อว่าผู้ที่เลิกสูบบุหรี่เหล่านั้นเอง ที่จะมีส่วนช่วยในการบอกไปยังผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ให้กลับตัวกลับใจมาเลิกบุหรี่ได้อีกทางหนึ่ง
ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่หลายๆ โรงพยาบาลหรือหลายหน่วยงาน หันมาสนใจและช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่ในอนาคตจำนวนของผู้สูบบุหรี่จะได้ลดจำนวนลงไป ก็ต้องขอชื่นชมในความเสียสละของหลายๆ หน่วยงานทั้งหลายเหล่านี้ ที่อาจถือได้ว่า มีส่วนช่วยผลักดันสังคมของเรา ให้กลายเป็นสังคมที่ไร้ควันบุหรี่ได้ในอนาคต
ที่มา: คมสัน ไชยองค์การ Team content www.thaihealth.or.th
Update: 24-08-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ