ครอบครัวไทยหย่าร้างสูง เกินปีละแสนคู่
อึ้งครอบครัวไทยเปราะบาง พบล่าสุดหย่า เพิ่มขึ้น 27% ในรอบ 9 ปี
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถิติการหย่าร้างของครอบครัวไทยยุคใหม่ค่อนข้างเปราะบางและมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะปัญหาการหย่าร้างที่สูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2555 มีผู้จดทะเบียนสมรสใหม่ทั่วประเทศจำนวน 314,338 คู่และมีคู่สมรสเก่าจดทะเบียนหย่า 111,377 คู่คิดเป็น 35% ของคู่ที่จดทะเบียนสมรสใหม่นอกจากนี้ การจดทะเบียนหย่าร้างถือว่าเพิ่มสูงกว่าช่วง 9 ปีที่ผ่านมาถึง 27% โดยในปี 2546 มีผู้จดทะเบียนสมรส 328,356 คู่แต่มีคู่สมรสเก่าจดทะเบียนหย่า 80,836 คู่
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นสาเหตุของการหย่าร้าง ประการแรกมาจากผลกระทบความมั่นคงในครอบครัวโดยเฉพาะสามีและภรรยาซึ่งเป็นคนตั้งต้นครอบครัวใหม่ ได้รับแรงกดดันมาจากการใช้ชีวิตภายนอกครอบครัว โดยเฉพาะความตึงเครียดจากสภาพการทำงานมีมากขึ้น เมื่อกลับมาสู่ครอบครัวต่างมีความตึงเครียดกลับเข้ามาด้วย หากไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ ก็จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง และทำให้ชีวิตครอบครัวยุติลง
ประการที่ 2 มาจากต่างฝ่ายต่างพึ่งพาตนเองได้ มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองได้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งคู่ชีวิตอีกคน ความอดทนจึงน้อยลง
ทั้งนี้ โฆษก สธ. กล่าวว่า ผลที่เกิดขึ้นหลังจากหย่าร้างกันของสามีภรรยา ส่วนใหญ่จะพบว่ามีการเลี้ยงดูบุตรหลานด้วยตนเองเพียงลำพัง หรือครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น ซึ่งสร้างปัญหาตามมา เนื่องจากเด็กต้องการความอบอุ่นจากทั้งพ่อและแม่มากกว่าต้องการจากพ่อหรือแม่เพียงคนเดียว ทำให้แม้ทั้งสองคนจะตัดสินในการยุติบทบาทสามีภรรยา แต่ก็ยังต้องคงบทบาทความเป็นพ่อแม่ของลูกคงเดิม เนื่องจากพื้นฐานลูกยังคงต้องมีพ่อและแม่เสมอ
พญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า ข้อแนะนำเพื่อป้องกันการหย่าร้างมี2 ข้อได้แก่ 1.ต้องไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาครอบครัว เพราะจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้ลุกลามมากขึ้น และ 2.ยอมรับและรับผิดชอบในบทบาทและหน้าที่ของกันและกัน ทั้งภายในครอบครัวและนอกครอบครัวอย่างเหมาะสม สมดุล รวมถึงต้องรู้จักจัดการแก้ปัญหาโดยไม่ใช้อารมณ์เป็นหลัก
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต