“คนบวชใจ” นำทัพทำความดีเยี่ยมผู้ป่วยธัญญารักษ์
หวังใช้กำลังใจบำบัดคนติดเหล้า เลิกได้สำเร็จ
ขึ้นชื่อว่า “เหล้า” มันคือเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อร่างกายเราเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ยังคงดื่มมันอยู่ แถมบางคนเรียกได้เลยว่าเป็น “คนติดเหล้า” ปัญหาเหล่านี้ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยเราที่มีมานาน แต่ก็ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้อย่างถาวรสักที
ทั้งนี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิเพื่อนหญิง และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้มีการจัด กิจกรรม “คนบวชใจ จากเหล้าสู่กำลังใจ” ที่สถาบันธัญญารักษ์ เพื่อเดินหน้าให้กำลังใจผู้ป่วยจากแอลกอฮอล์ และสานต่อโครงการรณรงค์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” โดยมีผู้ปฏิญาณตนเลิกเหล้าในช่วงเข้าพรรษาหรือ “คนบวชใจ” มาเยี่ยมเยือนผู้ป่วยจากพิษแอลกอฮอล์ เพื่อให้พวกเขามีกำลังใจที่จะเลิกอย่างจริงจัง
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ชมรมคนบวชใจนั้นเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เกิดขึ้นจาก “โครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา” ที่เกิดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ที่ปฏิญาณตนจะงดเหล้าในช่วงเข้าพรรษาทั่วประเทศ
“การสร้างคนต้นแบบ คนงดเหล้า หรือคนบวชใจ ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญของการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ไม่ใช่แค่เพียงว่าให้คนเหล่านี้ได้ตระหนักว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี แต่ยังเป็นการชี้ให้ผู้ที่กำลังเลิกเหล้าได้เห็นถึงแบบอย่างที่ดีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีกิจกรรมเสริมอยู่ตลอด เพื่อให้พวกเขาไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง และยังได้รับการดูแลที่ดีจากภาคีเครือข่าย “งดเหล้าเข้าพรรษา“ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เห็นถึงโทษของแอลกอฮอล์ ดังนั้น จึงเป็นที่มาในการร่วมมือกับสถาบันธัญญารักษ์ ซึ่งเป็นสถาบันให้บริการบำบัดผู้ที่ติดแอลกอฮอลล์และสิ่งเสพติดทุกประเภท ในการทำกิจกรรมครั้งนี้” นายจะเด็จกล่าว
ด้าน ร.ท.นพ.สมิต วัฒนธัญญกรรม ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์และอดีตรองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ ในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดกับการบำบัดผู้ป่วยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ในแง่ของการรักษาตัวของผู้ป่วยนั้น โรงพยาบาลอันรวมไปถึงการบำบัดด้วยยาอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการรักษา แต่การสร้างกำลังใจก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่สามารถช่วยบำบัดผู้ป่วยได้ ซึ่งวิธีการสร้างกำลังใจนั้นต้องมาจากสิ่งแวดล้อมและครอบครัวเป็นหลัก
“ในช่วงแรกๆ อาจเป็นเรื่องยาก แต่หากได้กิจกรรมสนับสนุนอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น เพราะเกือบ 40% ของผู้ป่วยจะหันกลับไปเสพแอลกอฮอล์อีก แม้ว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการบำบัดแล้วก็ตาม ที่สำคัญ อยากให้ทุกโรงพยาบาลควรที่จะเปลี่ยนทัศนคติและวิธีการบำบัดกับผู้ป่วยใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่การให้ยาและบอกให้กลับบ้าน แต่ต้องเป็นการบำบัดทางยาและกิจกรรมที่ต่อเนื่องกัน เพื่อให้ได้ผลอย่างแท้จริง” ร.ท.นพ.สมิต กล่าว
ในส่วนของโรงพยาบาลธัญญารักษ์นั้น ในปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยแอลกอฮอล์รวมทั้งสิ้น 1,554 คน ซึ่งแบ่งเป็นชาย 1,278 คน และหญิง 276 คน
ทั้งนี้ เป็นที่น่าหดหู่ใจอย่างมาก เมื่อพบว่ามีผู้ป่วยที่อายุน้อยที่สุดเพียง 13 ปีเท่านั้น แต่ต้องเข้ารับการบำบัด และอายุสูงที่สุดคือ 70 ปี
กิจกรรมบวชใจ งดเหล้าเข้าพรรษา เป็นหนึ่งในกิจกรรมต้นแบบ ซึ่งเปิดเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำหรับผู้ที่กำลังเลิกเหล้า กิจกรรมนี้จึงเป็นการกระตุ้นให้ครอบครัว ตลอดจนสังคมได้รู้และทำความเข้าใจกับผู้ต้องการเลิกเหล้า อีกทั้งยังเป็นการจูงใจสำหรับนักดื่มที่อยากจะเลิกเหล้าให้เห็นแบบอย่างที่ดี
นายวีระนันท์ โพธิสุวรรณ ผู้ที่ชีวิตถูกทำลายด้วยเหล้า สู่ต้นแบบคนเลิกเหล้า กล่าวว่า ตนดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 18 ปี สุขภาพย่ำแย่ ครอบครัวแตกแยกเพราะเหล้า ไม่มีเงิน เก็บขยะกิน เหล้ามันทำให้ไม่มีสติ ตนจึงตั้งใจจะงดเหล้าให้ได้โดยเริ่มจากกิจกรรมนี้ และปฏิญาณตนว่าจะเลิกเหล้าตลอดไป
“หลังจากที่ผมเข้าร่วมบวชใจใน ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมากอย่างเห็นได้ชัด จึงอยากให้ผู้ที่อยู่ในระหว่างการเลิกเหล้าดูผมเป็นตัวอย่าง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสุขภาพผมดีขึ้น มีเงินเหลือเก็บและชีวิตครอบครัวก็ดีขึ้น โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเลิกเหล้าสำคัญสุดอยู่ที่ใจ อย่าวอกแวก ขอให้ตั้งใจ เทคนิคของผมคือคิดถึงลูกเข้าไว้” นายวีระนันท์ กล่าว
การเลิกเหล้ามันไม่ยากอย่างที่คิด มันอยู่ที่ใจ สำหรับผู้ที่ยังไม่ยอมเลิก ขอให้เลิกเถอะ เพราะมันไม่ผลดีกับใครเลยแม้แต่น้อย กลับตรงกันข้ามทั้งสุขภาพร่างกายก็ทรุดโทรม คนรอบข้างรังเกียจ ชีวิตครอบครัวล้มเหลว ทั้งหมดนี้เพราะฤทธิ์ของเหล้าทั้งสิ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหันหลังให้มันซะ!!
ตั้งใจจริง เชื่อเถอะ!!! คุณเอาชนะมันได้ไม่ยากเย็น……
เขียนโดย:ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
Update:19-09-51