ขจัดปัญหาพนัน มุ่งมั่นแก้ที่สังคม
"การพนันเป็นปัญหาของสังคม"
ประโยคที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีนี้ เป็นประเด็นที่เดินคู่กับการพัฒนาประเทศไทยเรามาเป็นเวลานาน แต่เป็นการเดินคู่แบบเหนี่ยวรั้ง และทำให้บ้านเราเจริญช้าลง เพราะไม่มีใครปฏิเสธว่า การพนันได้แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยทั้งในรูปแบบที่ถูกกฎหมาย และ รูปแบบที่อยู่ใต้ดิน เด็กและเยาวชนได้สัมผัสกับการเสี่ยงโชค การพนัน ตั้งแต่ยังไม่รู้ความหมาย และผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ยังคงเสพติด การพนันและยึดเป็นแกนหลักในการดำเนินชีวิต
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดเวที เสวนากองทุนภาคประชาสังคม "เพิ่มพลังพลเมือง สู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในงานนี้ได้มุ่งเน้นประเด็นการ แก้ปัญหาสังคมติดการพนัน ที่กำลังบั่นทอนการพัฒนาและการเดินไปข้างหน้าของประเทศ ภายใต้หัวข้อ "หยุดพนันเถิดไทย" ซึ่งเวทีนี้ ได้เปิดโอกาสให้ภาคพลเมืองได้แลกเปลี่ยน และถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตติดพนัน เป็นเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในสังคมบ้านเรา
นายสุรินทร์ กิจนิตย์ชีว์ กรรมการบริหารแผนคณะ 4 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นวิทยากรที่ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตติดพนันของเขาให้กับผู้เข้าร่วมการเสวนาในวันนั้น เขาบอกว่า ตัวเองเล่นพนันมาแล้วในทุกรูปแบบตั้งแต่ ไฮโล ไพ่ ชนไก่ ถึงขั้นเปิดบ่อนเป็นเจ้ามือเองอีกด้วย
"ติดพนันมาตั้งแต่เด็ก เพราะสิ่งแวดล้อมรอบบ้านมีแต่การพนัน รู้สึกสนุก เพราะเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งโตขึ้นมาก็รู้สึกว่า การพนันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีแบบนักเลง"
กระทั่งเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นถึงครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาก็ไปตั้งบ่อนพนันชนไก่ข้างโรงเรียน โดยวันจันทร์ถึงศุกร์จะเป็นครู ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมาคุมบ่อน จนกระทั่งอายุได้ 30 ปีจึงคิดได้ และต้องการประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นครู จึงตั้งใจบอกลา การพนันทุกอย่างจนทำได้สำเร็จ
ปัญหาติดการพนันที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย ไม่ได้สร้างความเสียหายด้านทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นต้นตอแห่งปัญหาที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมประเภทต่างๆ เรื่อยไป จนกระทั่งถึงปัญหายาเสพติด การค้าประเวณี และฆ่าตัวตาย
วันนี้ สังคมกำลังตื่นตัวและต้องการผลักดันปัญหาการพนันให้มีการแก้ไขในเชิงนโยบายสาธารณะ โดยจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อกับการพนันให้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบและชัดเจน ในขณะเดียวกันก็จะต้องเพิ่มพลังพลเมืองที่จะต้องเป็นหูเป็นตา และตั้งใจมั่นที่จะลดการพนันในประเทศไทยให้ได้ เพื่อให้เยาชนที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาเป็นอนาคตของชาติไม่ต้องซึมซับวิถีของนักพนัน เข้าสู่กรอบความคิด
"พื้นที่ชุมชนท้องถิ่น คือบ่อเกิดของการพนันทั้งปวง การแก้ไขปัญหาต้องเริ่มต้นระดับตำบล หมู่บ้าน วัด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก เราจึงต้องปลุกจิตสำนึกให้คนในพื้นที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาการพนันด้วยตัวเอง" นายสุรินทร์ กล่าว
ด้านนายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) บอกถึงการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการติดการพนันว่า กฎหมายเป็นตัวขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหา แต่อย่างไรก็ตามแม้กฎหมายระดับชาติจะมีพลัง แต่การบังคับใช้อ่อนแอ การจัดทำ กฎหมายท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยต้องสร้างความร่วมมือของภาคชุมชน ร่วมกันออกกฎหมายที่บังคับใช้ในชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง
"ถ้าเราสามารถนำเงินจากหวยที่มีมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยนำมาเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถมีเงินทุนถึง 1,500 ล้านบาท สำหรับทำกองทุนภาคประชาสังคมที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เป็นการสร้างโอกาส และเตรียมความพร้อม สนับสนุนการแก้ไขปัญหาทางสังคมอีกมากมาย"
ความร่วมมือและการประสานงานของทุกฝ่ายจะเป็นก้าวเริ่มต้น ที่จริงจังในการแก้ไขปัญหาการพนัน และจะเป็นแรงสนับสนุนให้กลุ่มประชาชนที่ยังคงหลงพัวพันอยู่กับโลกแห่งการพนันขันต่อได้เป็นไทจากวงโคจรนี้
ซึ่งในปลายทางแล้ว หากประเทศไทยสามารถขจัดการพนันได้จริง การพัฒนาประเทศก็จะเดินไปได้อย่างไม่มีสะดุด
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ