กิจกรรมสนุก สาระฉ่ำเว่อ เรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของวันปิดเทอม
ข้อมูลจาก : งาน Kick Off ปิดเทอมสร้างสรรค์ กิจกรรมฉ่ำเว่อ ณ อุทยานการเรียนรู้ TK Park
ภาพโดย ฐิติชญา สัมปุรณะพันธุ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
150 วัน ของช่วงเวลาปิดเทอม ปราศจากตำราให้อ่านเขียน ไม่ต้องไปห้องสี่เหลี่ยมที่น่าเบื่อ นับเป็นช่วงเวลา ที่เด็กๆ ต่างรอคอย ได้หยุดอยู่บ้าน ไม่ต้องตื่นเช้าเร่งรีบไปโรงเรียน แต่ก็แอบเหงาไม่ได้เจอเพื่อน ๆ ที่คุ้นเคย ตั้งแต่ มีนาคม จนถึงพฤษภาคม 2567
การใช้เวลาอย่างคุ้มค่าไปกับกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์จึงจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “ปิดเทอมสร้างสรรค์ กิจกรรมฉ่ำเว่อ” ที่ สสส. และภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมกิจกรรมดี ๆ ที่น่าสนใจ ให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้เลือกทำกัน ผ่าน เว็บไซด์ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com แบ่งเป็นหมวดหมู่ ทั้งกิจกรรม แบบเสริมทักษะ, จิตอาสา, workshop, ทั่วไป หรือการทดลองฝึกงานที่สร้างรายได้ด้วย เพื่อให้เข้าใจถึงชีวิตการทำงาน และคุณค่าของเงิน ดังนั้นเพียงแค่กดคลิกกิจกรรมแบบฉ่ำ ก็จะพรั่งพรูออกมาให้น้อง ได้เลือกทำในสิ่งที่ชอบ
ซึ่งที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park มีการจำลองกิจกรรมสร้างสรรค์ให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้ร่วมสนุกกัน อาทิ เพนท์พวงกุญแจ สีน้ำสัญจร ปิดเทอมเติมบอร์ดเกม เพนท์กระจกอะคริลิก ซึ่งน้องทอฝัน ด.ญ.ณัฐพิมล สุขเสน วัย 9 ปี ที่ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ผ่านไอจี nuttapimonsuksen มียอดคนติดตามกว่า 50,000 คน และยังมีรายได้จากการรับรีวิว สินค้าเครื่องสำอาง เล่าว่า ชื่นชอบงานศิลปะ และรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่เห็นผลงานของตัวเองออกมาสวย การเพนท์กระจกอะคริลิกเป็นการฝึกทักษะจินตนาการ ก็เหมือนกับงานแต่งหน้า และอยากทำกิจกรรมนี้ในช่วงปิดเทอม ร่วมกับการไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวในต่างจังหวัด
ปัจจุบันมีเจ้าของเครื่องสำอาง มาจ้างให้น้องทอฝัน รีวิวสินค้าได้รับค่าขนม 1,500 บาท ต่อครั้ง ซึ่งคุณแม่ปลูกฝังเรื่องการออม และการใช้เงินกับน้องด้วยโดยให้แบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ให้ตัวเองส่วนหนึ่ง ให้คุณแม่ส่วนหนึ่ง และใส่ธนาคาร
“ภูมิใจในตัวเองที่ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ คือการแต่งหน้า และมีเงินค่าขนม แต่คุณแม่สอนเสมอว่า ความสำคัญของเงินไม่ใช่แค่การหาได้ แต่ต้องรู้จักเก็บด้วย ทำให้เมื่อฝากธนาคารแล้วก็ไม่คิดจะถอนออกมาใช้ ในการเลือกซื้อของทุกครั้งก็จะดูจนแน่ใจเปรียบเทียบว่าของชิ้นนี้ว่า อยากได้จริง ๆ ถึงซื้อ ” ด.ญ.ณัฐพิมล กล่าว
ขณะที่ น.ส.พริษฐ์รัตน์ ปาลชยธรณ์ คุณแม่ของน้องทอฝัน กล่าวว่า ดีใจที่เด็ก ๆ จะได้มีช่องทางหากิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำในช่วงปิดเทอม
ทำให้ผู้ปกครองหลายคนไม่รู้จะหากิจกรรมใดให้ลูก ๆ ได้ทำ จึงกลายเป็นต้องไปเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอม ทำให้เด็กเครียด และไม่ได้เรียนรู้ทักษะชีวิตด้านอื่น
“สอนลูกเสมอให้คิด ให้ทำในสิ่งที่ชอบ และทดลองกับของจริง อย่างเครื่องสำอางที่น้องใช้ ก็เป็นของคุณแม่ ไม่มีการปิดกั้น และหากลูกต้องการซื้อเครื่องสำอางเพิ่ม ต้องบอกเหตุผลของการซื้อ และดูความจำเป็น” น.ส.พริษฐ์รัตน์
ซึ่งข้อมูลหัวใจหลัก ในเว็บไซต์ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com นั้น นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เล่าว่า “มีหลากหลายกิจกรรมเหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัยให้เลือก ทั้งมุ่งเน้นสร้างทุนทักษะชีวิต ทุนความสุขให้เกิดขึ้นกับเด็กได้เล่นอย่างมีอิสระบนพื้นฐานของการเรียนรู้ จากการสำรวจพบว่า เด็ก ๆ ต้องการมีกิจกรรมใกล้บ้าน และมีพื้นที่ได้ทดลองทำสิ่งต่าง ๆ โดย สสส. จะทำหน้าที่จับคู่กับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน สภาหอการค้าฯ ในแต่ละจังหวัดจัดกิจกรรม จนถึงการพัฒนาเป็นอาชีพ โดยมีตำแหน่งพนักงานพาร์ทไทม์มากถึง 1,000-2,000 ตำแหน่ง ให้เด็ก ๆ ได้ทดลองเรียนรู้ทักษะชีวิต และการบริหารจัดการค่าตอบแทนหรือเงินที่ได้รับ”
งานส่วนใหญ่จะเป็นงานขาย หรือเป็นแคชเชียร์ แต่สิ่งที่ สสส. มุ่งหวังต้องการในอนาคตคือการจับคู่กับกลุ่มอาชีพ หรือหน่วยงานเพื่อให้เด็กได้ทดลองเรียนรู้อาชีพในฝัน เช่น อยากเป็นทนายความ จะได้เรียนรู้ว่าการทำงานเป็นอย่างไร
รูปแบบและการพัฒนาในกิจกรรมช่วงปิดเทอม ของ สสส. มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 10 ปีแล้ว โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. ย้ำว่า “สสส. ได้สานพลังภาคีเครือข่าย 4 ภูมิภาค โดยมี 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ อุตรดิตถ์ กรุงเทพฯ นครราชสีมา ยะลา พร้อมทั้งหน่วยจัดการที่จะร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมในอีก 25 จังหวัด ภาคีภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมกว่า 500 องค์กร ที่มีแหล่งเรียนรู้รวมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ มาร่วมกันจุดประกายให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ในช่วงวันวันหยุดและปิดเทอม เพราะช่วงเวลาปิดเทอมเหมาะสำหรับเติมเต็มทักษะชีวิต มุมมองความคิด และเติบโตให้กับเด็กอย่างครบทุกมิติ ทั้งสุขภาพ ทักษะชีวิต การเข้าถึงสื่อ การใช้และบริหารจัดการเงินอย่างถูกต้อง การเข้าใจชีวิตการใช้ชีวิตเป็น มีผลสอดคล้องกับแผนนโยบายของชาติที่หวังให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ และในกิจกรรมฝึกเรียนรู้ทักษะอาชีพ มีผลนำไปใช้เป็นพอร์ตฟอลิโอ ใบเบิกทางในการสมัครเรียนต่อสถาบันการศึกษาได้ในอนาคต”
น.ส.อินทิรา วิทยสมบูรณ์ ผู้รับผิดชอบเครือข่าย Feeltrip และเชื่อมต่องานปิดเทอมสร้างสรรค์ จ.ชลบุรี จ.สงขลา กล่าวถึงการจัดกิจกรรมว่า เน้นการใช้ต้นทุนเดิม ทั้งวิถีชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำเยาวชน เชื่อมต่อกับกิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์แบบไร้รอยต่อ ดึงเด็กจากหน้าจอมือถือ สร้างประสบการณ์ร่วมกับคนในชุมชนและต่าง เช่น จ.สงขลา เปิดพื้นที่ชุมชนเป็นห้องเรียนธรรมชาติ ที่เด็กสามารถเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว เช่น ใบตาล ที่สามารถทำหุ่นไว้เล่นเชิดหุ่นเงาผ่านผ้าดิบได้ ส่วน จ.ชลบุรี เปิดพื้นที่ชุมชนให้เด็กได้เรียนรู้กับพ่อครูแม่ครู และรุ่นพี่แกนนำด้านต่าง ๆ อาทิ งานหัตถกรรม หรืองานคราฟท์ วาดภาพสะท้อนวิถีชีวิตชาวประมงในพื้นที่ ทำให้เด็ก ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมที่ติดตามพ่อแม่แรงงานเคลื่อนย้ายเข้ามา เข้าถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ฟรี
ทั้งนี้ส่วนของกิจกรรมใน www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ที่อยากชวนน้อง ๆ หนู ๆ มาร่วมทำ
- ค่ายดาราศาสตร์สำหรับชมรมดาราศาสตร์ในโรงเรียน (ค่าย NAS) โดย: NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ที่ให้น้อง ๆ ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา/อาชีวะ ได้เปิดประสบการณ์ ดูดาวและปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ในหอดูดาว 4 จังหวัด (เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา และสงขลา)
- ทำขนมปังผักรอบบ้าน โดยบ้านไร่อุทัยยิ้ม ที่ จ.อุทัยธานี เปิดโอกาสให้น้อง ๆ หนู วัย 10-15 ปี เรียนรู้จากการนำผักพื้นบ้านมาแปรรูปทำขนมปัง
- “ให้ศิลปะได้ทำงาน” Art is everyone Class โดย Homeroom อาณาจักรพิทักษ์ความสุข เหมาะสำหรับเด็กประถมต้น ได้ใช้พัฒนาการทางด้านประสาทสัมผัส ความคิดในการสร้างผลงานศิลปะแบบไร้การตัดสิน
- การฝึกทักษะอาชีพ การฝึกเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านอาหาร หรือร้านขายเครื่องดื่ม เป็นต้น