การ์ตูนเล่มละบาท สู่บทบาทการ์ตูนสร้างสรรค์สังคมไทย
ปัจจุบันโลกรุดหน้าไปไกล มีสื่อใหม่เกิดขึ้นมากมาย แถมเข้าถึงได้“ง่ายแสนง่าย” และที่สำคัญไปว่านั้นยังมีอิทธิผลต่อพฤติกรรม จิตใจ ความเชื่ออย่างรุนแรง รวมถึงยังมีการแข่งขันกันทางการตลาด โดยใช้สื่อโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้ผู้บริโภครับข้อมูลที่ผิดๆ ส่งผลให้เสียทั้งค่าใช้จ่าย เสียเวลา เสียสุขภาพโดยไม่รู้ตัวนั่นเป็นเพราะการรู้ไม่เท่าทันสื่อนั่นเอง
ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างสรรค์สื่อดี เพื่อให้เข้าถึงเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือ “การ์ตูน” ที่เป็นสื่อที่เข้าถึงคนต่างๆ หลากหลายกลุ่มอาชีพทั้งในครอบครัว ชุมชน สถานประกอบการ และสังคมจึงเกิดความร่วมมือกันของสถาบันสื่อเด็กเยาวชน แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สมาคมการ์ตูนไทย และสถาบันการ์ตูนไทย มูลนิธิเด็กเพื่อสร้างสรรค์หนังสือการ์ตูนที่มีเนื้อหามุ่งให้ผู้อ่านเรียนรู้และตระหนักถึงอิทธิพลของสื่อ มีความเข้าใจเบื้องหลังของการผลิตสื่อ ภายใต้ชื่อ “เปลี่ยนโฉมการ์ตูนไทย ก้าวไกล ไร้สารพิษ” จากยุคการ์ตูนเล่มละบาท สู่บทบาทการ์ตูนสร้างสรรค์สังคมไทย ในโครงการ “สื่อต้นแบบการ์ตูนไทยสร้างสุข(ฉบับฉลาดรู้อยู่กับสื่อ)” ขึ้น
โดย น.ส.เข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.) บอกกับเราว่า สังคมปัจจุบันได้รับผลกระทบจากสื่อและเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะ โฆษณาทางอินเทอร์เนต โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ เคเบิลท้องถิ่น หรือรถเร่ที่เข้าไปตามหมู่บ้าน จากผลสำรวจพบว่าเด็กเห็นโฆษณา 23% ของรายการทั้งหมด และอยู่หน้าจอทั้งโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์นาน 7-8 ชั่วโมง จากตัวเลขนี้จะเห็นได้ว่า สื่อมีอิทธิพลอย่างมาก เมื่อเด็กดูโฆษณาแล้ว เด็กก็จะไปซื้อขนมกินสูงถึง 9,800 บาทต่อปี ต่างจากค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่ใช้เพียง 3,024 ต่อปี เด็กกินขนมกรุบกรอบและน้ำอัดลมมากกว่ากินผัก และมีแนวโน้มในการเป็นโรคต่างๆ มากยิ่งขึ้นและอายุต่ำลงเรื่อยๆ รวมถึงเสี่ยงที่จะเป็นทั้งโรคเบาหวาน อ้วน และโรคเรื้อรังต่างๆ ซึ่งในแต่ละปีพบว่าต้องเสียค่ารักษาโรคอ้วนแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท
“แนวทางการรู้เท่าทันสื่อนั้น เราต้องตระหนักว่า เนื้อหาของสื่อล้วนถูกสร้างขึ้น มีวิธีการ แต่ละคนรับรู้เนื้อหาของสื่อต่างกัน เนื้อหาถูกซ่อนและปลูกฝังความคิด ค่านิยมบางอย่างไว้เสมอ เนื้อหาสื่อหวังประโยชน์บางอย่าง ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้คนรับสื่อตระหนักตรงนี้ ทำอย่างไรให้คนรับสื่อกระตุกความคิดและแยกแยะก่อนเชื่อในสื่อทั้งหมด” น.ส.เข็มพรบอก
น.ส.เข็มพร บอกต่อว่า เมื่อการ์ตูนเป็นสื่อหนึ่งที่มีพลัง และสามารถเข้าถึงคนทุกวัยได้ จึงเป็นที่มาของการชวนนักเขียนการ์ตูนมาร่วมผลิตสื่อที่สร้างสรรค์ ใช้สื่อนี้สร้างความเข้าใจในสื่อที่ถูกต้อง โครงการนี้จึงเป็นโครงการต้นแบบ โดยการนำสื่อการ์ตูนเล่มละบาท ซึ่งเป็นสื่อดั้งเดิมของไทยมาประยุกต์ใหม่เพื่อสร้างสังคม โดยประเด็นที่จะใช้ในการสร้างผลงาน จะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น อาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง บริการสุขภาพ/ความงาม ยา/สมุนไพร แฟชั่น เครื่องมือสื่อสาร การเงิน/บัตรเครดิต ทั้งหมด 20 เรื่องด้วยกัน
“ในฐานะที่เป็นคนทำงานด้านสื่อเพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว งานของเราคือความพยายามทำให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทุกคนรู้เท่าทันสื่อ สามารถเข้าใจเนื้อหาที่สื่อเสนอ วิเคราะห์ แยกแยะ ประเมินค่า สามารถใช้ประโยชน์และพัฒนาสื่อในแบบฉบับของตนเองได้ เป็นกระบวนการพัฒนาศักยภาพทางความคิด และการเรียนรู้ จนกระทั่งเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้” น.ส.เข็มพรบอก
เมื่อการ์ตูนดีๆ เหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ออกไปแล้วนั้นน.ส.เข็มพร บอกทิ้งท้ายไว้ว่า ตนคาดหวังไว้ว่าอย่างน้อยคนอ่านในระดับล่างที่ไม่มีเงินซื้อหนังสือดีๆ เล่มที่มีราคาแพง จะได้อ่านและเกิดกระบวนการพัฒนาทางความคิด ปรับเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ รวมถึงกลุ่มคนอื่นๆด้วย และในอนาคตหากการ์ตูนได้รับความนิยม มันก็จะเกิดเป็นกระแส คึกคัก มีนักเขียนมากขึ้น มีความหลากหลายในเนื้อหา คนในสังคมก็จะได้พัฒนาความคิด สติปัญญาและรู้เท่าทันสื่อมากขึ้นไปเรื่อยๆ
นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อ “การ์ตูน” เป็นสื่อที่มีพลังและสามารถให้ความรู้ ความบันเทิงได้ในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญสามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนทัศนะคติ ความเชื่อผู้คนในสังคมได้จาก “ภาพ” ที่สื่อออกมา ดังนั้นเราจึงควรหันมาร่วมมือกันสร้างสรรค์สื่อดีให้เกิดขึ้นในสังคมให้มาก เพื่อการเท่าทันสื่อ เท่าทันตนเอง และเท่าทันสถานการณ์ความเป็นไปรอบตัวนั่นเองนะคะ
เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th