การรักษา ริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เลเซอร์
ที่มา : แนวหน้า
แฟ้มภาพ
เมื่อเอ่ยถึงโรค ริดสีดวงทวาร แล้วล่ะก็ เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายๆ คนนึกถึงคือ ความเจ็บปวดทรมานอย่างสาหัส และความเจ็บปวดนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะในขณะที่โรคดำเนินไปเท่านั้น หากแต่การรักษาแบบเดิม ยังสร้างบาดแผลและความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ป่วยทั้งในขณะ รับการรักษาและหลังการรักษาอยู่ไม่น้อย
คอลัมน์ "บอกเล่าก้าวทันหมอ" ของรพ.จุฬาฯ ได้ให้ความรู้ เกี่ยวกับการรักษา ริดสีดวงทวารวิธีใหม่ นั่นคือ "การรักษาด้วยการใช้เลเซอร์" ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยหลายรายสามารถหายจากโรคนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมานจากการรักษาอีก
สำหรับการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี เช่น การรักษา ด้วยวิธีฉีดยาที่หัวริดสีดวง (Selerotherapy) หรือวิธีรัดยาง (Rubber Band Ligation) เพื่อให้หัวริดสีดวงฝ่อลง ซึ่งเหมาะกับริดสีดวงภายในที่อยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ในกรณีที่ริดสีดวง มีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น มีก้อนยื่นออกมาจากปากทวารหนัก ก้อนริดสีดวงที่มีขนาดใหญ่ อาจร่วมกับ การมีเลือดออกจากหัวริดสีดวง กรณีเหล่านี้ ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด แต่การที่มีแผลผ่าตัดอยู่ที่บริเวณปากทวารหนัก ทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก และต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ถือเป็น ความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยอย่างยิ่ง
ผศ.นพ.จิรวัฒน์ พัฒนะอรุณอาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอดีตหัวหน้าหน่วย กล่าวว่า วิทยาการใหม่ที่นำเลเซอร์ มาใช้ในการรักษาริดสีดวงทวารเป็นการใช้พลังงานจากเลเซอร์ประสิทธิภาพสูงเข้าไปทำลายเส้นเลือดที่ผิดปกติของริดสีดวงปัจจุบันถือเป็นอีกทางเลือกในการรักษาที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นวิธีนี้เหมาะกับริดสีดวงทวารภายในที่มีเลือดออกในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลั้นอุจจาระผิดปกติ เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่ไวต่อความรู้สึกที่อาจจะทนอาการปวดแผลหลังจากการผ่าตัดริดสีดวงไม่ไหว
สำหรับขั้นตอนในการใช้เลเซอร์เพื่อรักษาริดสีดวงทวารจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากวิสัญญีแพทย์ให้ยาระงับความรู้สึกแก่ผู้ป่วย จากนั้นศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กเพียง 2 มิลลิเมตร แล้วจึงสอดใยแก้ว นำแสงเลเซอร์เข้าไปทางทวารหนัก ลอดใต้ ริดสีดวงไปสู่ขั้วของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงริดสีดวงและกดปุ่มปล่อยพลังงานเลเซอร์เพื่อทำลายเส้นเลือด ให้เส้นเลือดบริเวณหัวริดสีดวงค่อยๆ ฝ่อและยุบลงในที่สุด การรักษาวิธีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการ ทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดและเยื่อบุ ทวารหนัก ทำให้ผลข้างเคียงหลังการรักษาน้อยลงกว่าการผ่าตัดแบบเดิมที่ผู้ป่วย อาจจะไม่สามารถควบคุมหรือกลั้นการ ขับถ่ายของตนเองได้ในช่วงสัปดาห์แรก หลังการผ่าตัดนั่นเอง
ข้อดีของการรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์ คือ ผู้ป่วยจะเจ็บแผลน้อยลง แผลหายเร็วขึ้น และใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วันเท่านั้น ในขณะที่ระยะเวลาของการ พักฟื้นหลังการผ่าตัดจะอยู่ที่ประมาณ 7-10 วัน ทั้งนี้หน่วยศัลยศาสตร์ ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังเป็นสถาบันแห่งแรกที่ได้ริเริ่มใช้เลเซอร์เพื่อการรักษาริดสีดวงในประเทศไทยอีกด้วย แม้ว่าการรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์จะมีข้อดีที่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นในหลายๆ ประการ แต่โอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำภายหลังเลเซอร์มีอัตราสูงกว่าการรักษาด้วยการผ่าตัดที่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผศ.นพ.จิรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ว่า จะเป็นการรักษาริดสีดวงทวารด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ไม่สามารถการันตีว่าผู้ป่วยจะหายขาด จากโรคนี้ได้ โอกาสในการกลับมาเป็น ริดสีดวงทวารซ้ำอีกนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรม หลังการรักษาของผู้ป่วย สำหรับพฤติกรรม เสี่ยง ได้แก่ การเข้าส้วมเป็นเวลานานเนื่องจากทำกิจกรรมอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้สมาร์ทโฟนและอ่านหนังสือ เป็นต้น ถือเป็นสิ่งที่ผิดสุขลักษณะในการขับถ่าย ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยยังคงปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรโดยไม่รู้ถึงความเสี่ยงที่อาจนำพาโรคมาถึงตัวได้
ในตอนท้าย ผศ.นพ.จิรวัฒน์ยังได้แนะนำวิธีการดูแลตนเองเพื่อป้องกัน โรคริดสีดวงทวาร นั่นคือควรเริ่มต้นด้วย การดูแลเรื่องระบบขับถ่ายให้ถูกสุขลักษณะ หมั่นสังเกตความผิดปกติจากการขับถ่าย เช่น หากถ่ายเป็นเลือด ควรสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคริดสีดวงทวาร ให้รีบมาพบแพทย์และรับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อไม่ให้โรคดำเนินไปจนถึงภาวะ รุนแรงที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด อีกทั้ง ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟนหรืออ่านหนังสือ เพื่อฆ่าเวลาในขณะขับถ่าย เพราะจะทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวนเนื่องจากร่างกายใช้เวลาในการขับถ่ายนานเกินกว่าปกติ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำในผู้ป่วยที่เคย รับการรักษาแล้วด้วย