การดูแลเท้าผู้สูงอายุ

ที่มา : หนังสือ 100 เรื่องเด่น ความรู้เพื่อส่งเสริมสุขภาพสำหรับประชาชน โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


การดูแลเท้าผู้สูงอายุ thaihealth


แฟ้มภาพ


                “เท้า” เป็นอวัยวะที่ทำงานหนักตลอดชีวิตมนุษย์ตราบเท่าที่ยังเดินได้ เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของเนื้อเยื่อข้อต่อทำให้เท้ามีรูปร่างเปลี่ยนไป อุ้งเท้าเตี้ยลงและอาจมีหัวแม่เท้าเกเข้าด้านในทำให้ปวดเท้าง่าย ความบกพร่องของระบบไหลเวียนมักทำให้เกิดอาการเท้าบวม ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือข้ออักเสบ ก็จะยิ่งมีเท้าผิดรูปปวด หรือเป็นแผลเรื้อรังได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้สูงอายุเองกลับไม่ค่อยสนใจดูแลหรือมีความลำบากในการดูแลเท้าของตนทำให้ปัญหาความผิดปกติของเท้าเพิ่มขึ้นตามวัย การดูแลสุขภาพเท้าให้ถูกหลักวิธีจะช่วยเสริมคุณภาพชีวิต และป้องกันการลื่นล้มได้เป็นอย่างดี หลักการดูแลเท้าผู้สูงอายุ ทำได้ไม่ยากดังนี้


                1.ดูแลสุขอนามัยของเท้า โดย


                – ล้างเท้าทำความสะอาดทุกวัน ไม่ควรใช้น้ำอุ่นจัดหรือแช่เท้าในน้ำนานเกิน 10 นาที ใช้สบู่อ่อนที่มี moisturizer แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนูให้แห้งโดยเฉพาะระหว่างนิ้มเท้า อาจใช้ครีมโลชั่นทาหลังจากเช็ดแห้งแล้วแต่ต้องระวังไม่ใช้ครีมที่ซอกนิ้ว เพราะจะอับชื้นง่าย


                – ตรวจเท้าและนิ้วเท้าทุกวัน สังเกตความผิดปกติ รอยกดแดง หรือรอยถลอก ใช้กระจกตรวจให้ทั่วทุกด้าน หรือให้ผู้ดูแลตรวจให้


                – ตัดและตะไบเล็บให้เป็นแนวตรงด้วยความระมัดระวัง อย่าตัดเป็นรูปโค้งเข้ามุม ถ้าไม่ถนัด ให้ผู้ดูแลทำให้ ไม่ตัดตาปลาหรือส่วนหนังด้วยตนเอง


                – ไม่สวมอะไรที่รัดส่วนขาหรือต้นขาแน่น เช่น ถุงน่อง หรือถุงเท้ารัด เพาะจะทำให้เท้าบวมง่าย


                – ไม่ควรเดินเท้าเปล่า สำรวจเอาเศษผงออกจากรองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง


                – บริหารเท้าเป็นประจำโดยกระดกข้อเท้าขึ้น-ลง 10 ครั้ง แล้วหมุนข้อเท้าเป็นวงกลม 5 ครั้ง x 2 รอบต่อวัน กรณีปวดเท้าให้แช่น้ำอุ่นประมาณ 10 นาที แ แล้วนวดฝ่าเท้าเบาๆ ก็จะทุเลาได้


                – เดินออกกำลังกายสม่ำเสมอ บริเวณที่เดินควรเป็นพื้นเรียบ ไม่ขรุขระหรือลาดเอียง


                2.ใช้รองเท้าที่เหมาะสม


                -ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงส้นสูงเกิน 1 นิ้ว (จะทำให้ปวดเท้า ปวดเข่า ปวดหลัง และลื่นล้มง่าย) หรือรองเท้าหัวแหลม (จะทำให้ปวดนิ้วเท้า หรือกระตุ้นให้นิ้วหัวแม่เท้าเกเข้าด้านในมากขึ้น)


                – ควรเลือกซื้อรองเท้าช่วงเวลาเย็นเพราะเท้ามักจะขยายบวมในตอนบ่าย


                – เลือกรองเท้าที่มีรูปทรงลักษณะเดียวกับรูปเท้าและพิจารณาให้มีส่วนประกอบที่เหมาะสม


                – สำหรับผู้ที่มีปลายประสาทบกพร่องหรือชาเท้า ต้องระวังการลองขนาดรองเท้าเพราะจะรู้สึกว่าไม่พอดีจนกระทั่งสวมรองเท้าเบอร์เล็กจนคับเกินไป ขนาดรองเท้าที่พอดีคือมีส่วนยาวเผื่อประมาณ 3/8 ถึง ครึ่งนิ้ว ความกว้างมากพอรับกับส่วนที่กว้างที่สุดของเท้า ส่วนพื้นรองเท้ามั่นคง ไม่ลื่น ด้านบนนุ่ม สามารถปรับขยายส่วนหลังเท้าได้ นอกจากนั้นต้องหมั่นตรวจรองเท้าว่ายังใช้ได้ดี และเปลี่ยนรองเท้าเมื่อพบว่ามีการสึกหรือชำรุด

Shares:
QR Code :
QR Code