การคัดเลือกร้านอาหารเพื่อสุขภาพ SOOK CANTEEN

ประกาศ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
เรื่อง การคัดเลือกร้านอาหารเพื่อสุขภาพ SOOK CANTEEN
๑. ความเป็นมา
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เบิกบานแจ่มใส และอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมต่อการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ในช่วง ๑๖ ปีที่ผ่านมา สสส. ได้สนับสนุนให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพในหลายด้าน เช่น การเพิ่มพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ ร่วมผลักดันกฏหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สวดมนต์ข้ามปี (เพื่อลดการดื่ม) ส่งเสริมการออกกำลังกาย ฯลฯ รวมถึงการรณรงค์สื่อสารเพื่อปรับพฤติกรรมเสี่ยง อาทิ “ให้เหล้า = แช่ง”, “แค่ขยับ = ออกกำลังกาย”, “บุหรี่ เลิกยาก…แต่เลิกได้”, “ลดพุง ลดโรค” เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติและส่งผลให้ประชาชนมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตามผลงานต่างๆ รวมถึงข้อมูลองค์ความรู้จากการดำเนินงานของ สสส. ที่มีเป็นจำนวนมาก ยังถูกจำกัดขอบเขตการใช้ประโยชน์ อันเนื่องจากความจำกัดของช่องทางการเผยแพร่ สสส. จึงได้เปิดดำเนินการอาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะขึ้นน ตั้งอยู่เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดูพลี ถนนพระรามสี่ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสุขภาวะแบบ องค์รวมทั้ง ๔ มิติ คือ ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสุขภาวะทางปัญญา โดยนำองค์ความรู้จากการทำงานของ สสส. และภาคีกว่า ๑๖ ปี มานำเสนอผ่านหลากหลายช่องทาง ได้แก่ นิทรรศการและกิจกรรมประกอบนิทรรศการ การให้บริการห้องสมุดสร้างปัญญา การฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ การเยี่ยมชมศึกษา ดูงานอาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะที่ออกแบบอาคารเพื่อให้สามารถสื่อสารและส่งเสริมการดูแลสุขภาพ เป็นต้น “ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” เกิดขึ้นจากแนวคิด “ทุกพื้นที่คือการเรียนรู้” โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ แรงบันดาลใจ ตลอดจนพัฒนาทักษะและเสริมสร้างความสามารถ อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมไปสู่การมีสุขภาวะอย่างยั่งยืนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะได้เปิดให้บริการแก่สาธารณชนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ กว่า ๑๒๕,๙๗๐ คน (ข้อมูล ตุลาคม ๒๕๖๑ – กันยายน ๒๕๖๒) และจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมประมาณวันละ ๗๐ – ๒๐๐ คน
ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ศูนย์เรียนรู้ฯ ได้มีแนวคิดในการจัดทำพื้นที่เรียนรู้ด้านร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งเสริมสุขภาพ คือ มีความสะอาด มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการ ราคาเหมาะสม มีการแสดงปริมาณแคลอรี่ในอาหาร และเป็นพื้นที่สร้างการเรียนรู้ด้านอาหารและโภชนาการผ่านประสบการณ์จริงของผู้มาใช้บริการ รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเมนูสุขภาพให้ผู้ใช้บริการสามารถนำกลับไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันของตนเอง ครอบครัว และขยายผลไปสู่สังคมโดยรวม โดยปัจจุบันมีผู้เข้าใช้บริการร้านอาหารโดยเฉลี่ย ๔๐๐ คนต่อวัน
ทั้งนี้ สสส. ตระหนักถึงความสำคัญ ในการบริหารจัดการธุรกิจอาหารและโภชนาการ ที่ต้องอาศัยบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ตรง มีความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของอาหารต่อสุขภาพ และมีทักษะความสามารถในการบริหารจัดการร้านอาหาร และการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลาย จึงเป็นที่มาของการจัดให้มีกระบวนการคัดเลือกผู้บริหารจัดการร้านอาหารเพื่อสุขภาพในศูนย์เรียนรู้สุขภาวะของ สสส. ในครั้งนี้
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑ เพื่อจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีคุณภาพความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
๒.๒ เพื่อเป็นพื้นที่เรียนรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพที่ผู้บริโภคสามารถนำกลับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
๒.๓ เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงด้านอาหารเพื่อสุขภาวะที่สอดคล้องวิถีชีวิต (Lifestyle) ของผู้บริโภค
๓. รายละเอียดพื้นที่และครุภัณฑ์
๓.๑ พื้นที่ประมาณ ๒๕๐ ตารางเมตร โดยมี ๑๗๒ ที่นั่งพร้อมโต๊ะรับประทานอาหาร ประกอบด้วย
๑. โซนอาหารตามสั่ง
๒. โซนก๋วยเตี๋ยว
๓. โซนอาหารปรุงสำเร็จ (ข้าวราดแกง)
๔. โซนสลัดบาร์
๕. โซนผักผลไม้สด
๖. โซนยำ/ส้มตำ
๗. โซนขนมหวานไทย (น้ำแข็งใส/ขนมน้ำกะทิ)
๘. โซนตู้แช่ ประกอบด้วย เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ ผลไม้พร้อมทาน ฯลฯ
๓.๒ สสส.จะให้การสนับสนุนพื้นที่ และครุภัณฑ์ (ที่มีอยู่เดิม เช่น อุปกรณ์เครื่องครัว ชุดจานชามช้อนตามรายการที่จะแสดงให้ทราบ) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายและบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในราคาที่เหมาะสม โดยใช้วัตถุดิบที่มีความสะอาดปลอดภัยตามที่กำหนด ทั้งนี้ผู้เสนอต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการบริหารจัดการธุรกิจอาหาร ระบบการจัดการขยะ การดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่โดยรอบ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในพื้นที่ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าแก๊ส ค่าวัตถุดิบ อุปกรณ์ประกอบอาหาร เป็นต้น
๔. ข้อกำหนด
๔.๑ ระยะเวลาเปิดดำเนินการ :
– วันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
– วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
๔.๒ ราคาจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพแต่ละชนิดให้เป็นไปในราคาที่เหมาะสม โดยมีข้อกำหนดดังนี้
๔.๒.๑ อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับบุคคลทั่วไป (แสดงรายการเมนูอาหารที่จะจำหน่ายทั้งหมดประจำสัปดาห์ พร้อมทั้งต้องมีการเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูอาหารไปจากเดิมอย่างน้อย ๒๐% ของทุกสัปดาห์)
-ข้าวราดแกง ๑ อย่าง ราคา ๓๕ บาท, ๒ อย่าง ๔๐ บาท, ๓ อย่าง ๔๕ บาท
-ก๋วยเตี๋ยว ราคา ๓๕-๔๕ บาท
-สลัดบาร์ ถ้วยเล็ก (ขนาด ๕ นิ้ว) ไม่เกิน ๓๐ บาท
-มีผักสดพื้นบ้านตามฤดูกาล และแกงจืดให้ตักรับประทานได้ฟรี โดยไม่คิดเงินเพิ่ม
ในกรณีที่มีการขายอาหารตามสั่งหรือเมนูพิเศษที่ไม่เป็นไปตามราคานี้ ขอให้ร้านค้าตั้งป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจนพร้อมแจ้งให้ผู้บริโภคทราบก่อนเลือกซื้อ
๔.๒.๒ อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กและเยาวชน (กรณีที่มีเข้าชมนิทรรศการเป็นหมู่คณะ) ราคา ๒๕ – ๓๐ บาท
๔.๓ อาหารที่จำหน่ายต้องคำนึงถึงอาหารเพื่อสุขภาพเป็นหลัก โดยวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารต้องเป็นวัตถุดิบที่สด สะอาด มีคุณภาพดี และมีความปลอดภัย เช่น การใช้ข้าวปลอดสารพิษหรืออินทรีย์ ผักและผลไม้ตามฤดูกาลที่มีการล้างทำความสะอาดอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งต้องทำงานร่วมกับ สสส.ในการวิเคราะห์และแสดงข้อมูลพลังงานของอาหารเป็นแคลอรี่ในแต่ละเมนูอาหาร
๔.๔ ประเภทอาหารเพื่อสุขภาพที่จำหน่ายต้องครอบคลุมถึง อาหารข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง อาหารประเภทเส้น ขนมหวานไทย (น้ำแข็งใส/ขนมน้ำกะทิ) ผลไม้ เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ อาหารมังสวิรัติ และงดขายเครื่องดื่มทุกชนิด อาหารทุกเมนูที่จัดทำต้องมีรสชาติอร่อย โดยปรุงรสไม่ให้หวาน มัน หรือเค็มจนเกินไป โดยผู้ประกอบการและทีมงานจะต้องผ่านการอบรมตามที่ สสส.จัดให้ และผู้ประกอบการและทีมงานต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานของกรมอนามัย (ข้อมูลอ้างอิงตาม link http://foodsan.anamai.moph.go.th/main.php?filename=standard_cfgt )
๔.๕ อาหารพร้อมรับประทาน เช่น แซนวิช ผลไม้ตัดแต่งพร้อมทาน ขนม รวมทั้งผัก-ผลไม้สด ต้องมีการติดราคา และอาหารที่มีอายุในการบริโภคจำกัด เช่น แซนวิช จะต้องติดฉลากแสดงข้อมูลวันที่ผลิตและวันที่หมดอายุ
๔.๖ ผู้ได้รับคัดเลือกต้องดำเนินการจัดระบบการจัดการขยะในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยมีข้อตกลงและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการจัดการและขนย้ายขยะที่เกิดจากการจัดบริการอาหาร ร่วมกับการจัดการขยะของ สสส.
๔.๗ ระบบการชำระเงินภายในร้านอาหารเป็นรูปแบบของบัตรเติมเงิน และเงินสด ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้ระบบบัตรเติมเงิน สสส. จะเป็นผู้ดำเนินการอบรมการใช้งานและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ระบบบัตรเติมเงินให้จำนวน ๑ ครั้ง จึงขอให้ผู้ได้รับคัดเลือกจัดหาพนักงานเข้ารับการฝึกอบรมและกำกับดูแลให้มีการใช้และการบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างถูกต้อง
๔.๘ ผู้เสนอจะต้องดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่ดำเนินงานและดูแลครุภัณฑ์ของสำนักงานไม่ให้เกิดความเสียหายตามแนวทางปฏิบัติของงานอาคาร
๔.๙ ผู้ได้รับคัดเลือกจำเป็นต้องบริหารจัดการด้านพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๑๐ การแต่งกายของผู้ประกอบการต้องถูกต้องตามหลักสุขอนามัย ได้แก่ สวมหมวกและผ้ากันเปื้อน การใส่ผ้าปิดปากสำหรับผู้ให้บริการอาหารหน้าร้าน
๔.๑๑ ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ต่อไปนี้ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าแก๊ส โดย สสส. มีมิเตอร์แยกตามรายละเอียดในภาคผนวก
๕. คุณสมบัติผู้เสนอ
๕.๑ เป็นบุคคลธรรมดาที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หรือเป็นคณะบุคคล นิติบุคคล ตามกฎหมายที่จดทะเบียนในประเทศไทย
๕.๒ มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านการผลิต จำหน่าย และบริหารจัดการธุรกิจอาหาร อย่างน้อย ๑ ปี (แสดงเอกสารใบประกอบการฯเพื่อใช้ในการพิจารณา) และต้องเป็นผู้ดำเนินการเองโดยไม่จัดจ้าง/แบ่งย่อยให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน/ดำเนินการร่วม
๕.๓ ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงานของทางราชการและได้แจ้งเวียนชื่อแล้ว หรือไม่เป็นผู้ที่ได้รับผลของการสั่งให้นิติบุคคลหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบของทางราชการ
๕.๔ ต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับเอกสิทธิหรือความคุ้มกันซึ่งอาจปฏิเสธไม่ยอมขึ้นศาลไทย เว้นแต่รัฐบาลของผู้เสนอได้มีคำสั่งให้สละสิทธิความคุ้มกันเช่นว่านั้น
๕.๕ ต้องไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้เสนอรายอื่น ณ วันที่ประกาศรับข้อเสนอ
๖. เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
ขั้นตอนที่ ๑ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโดยตรวจสอบคุณสมบัติของร้านค้าจากเอกสารที่นำส่งไว้ น้ำหนักรวม ๑๐๐ คะแนน โดยจะคัดเลือกร้านค้าที่มีคะแนนรวมสูงสูดไม่เกิน ๓ ราย ประกอบด้วย
๖.๑ ประวัติและมีประสบการณ์การดำเนินงานด้านการผลิต จำหน่าย หรือบริหารจัดการธุรกิจอาหาร และสามารถอ้างอิงธุรกิจที่ดำเนินการจำหน่ายอาหารในปัจจุบันได้ น้ำหนัก ๒๐ คะแนน
๖.๒ แผนการบริหารจัดการ น้ำหนัก ๗๐ คะแนน ดังนี้
๖.๒.๑ แผนการดำเนินงานตามข้อกำหนด (๓๐ คะแนน)
๖.๒.๒ แผนการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ การประกอบอาหาร และแหล่งที่มาของวัตถุดิบ (๒๐ คะแนน)
๖.๒.๓ แผนระบบการจัดการขยะภายในพื้นที่ดำเนินการ (๑๐ คะแนน)
๖.๒.๔ แผนกำลังคน (๑๐ คะแนน)
๖.๓ ข้อเสนอพิเศษอื่นๆ ( เช่น โปรโมชั่น หรือ กิจกรรมพิเศษ) น้ำหนัก ๑๐ คะแนน
ขั้นตอนที่ ๒ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกำหนดให้ร้านค้าที่ผ่านการคัดเลือกขั้นตอนที่ ๑ นำเสนอรายการอาหารที่จัดจำหน่าย ตัดสินผลการคัดเลือกโดยพิจารณาจากการลงคะแนนโหวตของเจ้าหน้าที่ทั้งองค์กร โดยมีหลักเกณฑ์คือผู้ชนะต้องได้คะแนนโหวตสูงสุด เว้นแต่มีผู้ได้รับคะแนนโหวตเท่ากัน คณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าสู่ขั้นตอนที่ ๒ ของการคัดเลือก ต้องจัดเตรียมอาหารตามประเภทที่จะมีการจำหน่ายจริงใน SOOK Canteen ดังนี้
๑. ข้าวเปล่า และกับข้าว อย่างน้อย ๒ รายการ
๒. ก๋วยเตี๋ยว
๓. ขนมไทย
หมายเหตุ
๑. เจ้าหน้าที่ สสส.ที่จะโหวตจำนวนประมาณ ๒๐๐ คน ดังนั้น คณะกรรมการจะแจ้งจำนวนผู้รับบริการอาหารให้ผู้ผ่านการพิจารณาขั้นตอนที่ ๑ แต่ละรายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน (คาดว่าขั้นตอนที่ ๒ จะดำเนินการภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓)
๒. สสส.จะสนับสนุนงบประมาณในการจัดเตรียมอาหารให้กับผู้ผ่านการคัดเลือกขั้นตอนที่ ๑ หัวละ ๒๐๐ บาท
๓. ผู้ผ่านการคัดเลือกขั้นตอนที่ ๑ ต้องจัดเตรียมภาชนะบรรจุอาหารส่วนกลาง (เช่น ถาดใหญ่,หม้อต้มก๋วยเตี๋ยวและถังแก๊ส) พร้อมทั้งผู้ให้บริการอาหาร (บุฟเฟ่ต์) โดย สสส.จัดเตรียมภาชนะและอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารรายบุคคล
๗. รูปแบบการนำเสนอ และระยะเวลาการพิจารณา
๗.๑ ผู้ประสงค์ที่จะเข้าร่วมเสนองาน โปรดแสดงความจำนง โดยระบุชื่อร้านค้า พร้อมชื่อและนามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้ โดยลงทะเบียนผ่านทาง E-mail โดยลงทะเบียนผ่านทาง E-mail: [email protected] ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๓ – ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓
๗.๒ ชี้แจงรายละเอียดขอบเขตงาน วันอังคารที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๓๐ น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม ๓๐๒ สสส. อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดูพลี ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม.๑๐๑๒๐
๗.๓ ยื่นซองเอกสารวันอังคารที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ น.ถึง ๑๒.๐๐ น. (วันเดียวเท่านั้น) ที่ ศูนย์ธุรการ (ชั้นB1) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดูพลี ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม. ๑๐๑๒๐
เอกสารระบุหน้าซองเอกสารให้ชัดเจนว่า “งานคัดเลือกร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ” และจัดทำเอกสารโดยแยกเอกสารออกเป็น ๑ ชุด ตามรายละเอียด ดังนี้
๗.๓.๑ ข้อมูลนำเสนอ (ตามเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อ ๖)
เมนูอาหารที่จะจัดจำหน่าย พร้อมระบุราคา ได้แก่ ประเภท คุณภาพ ปริมาณ ราคา และรสชาติ ทั้งนี้ ขอให้มีการนำอาหารตัวอย่าง มาจัดแสดงต่อกรรมการ จำนวน ๑ – ๒ เมนู
แผนการบริหารจัดการ
แผนระบบการจัดการขยะภายในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
แผนการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ การประกอบอาหาร และแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เช่น ไม่นำของค้างคืนมาขายในวันถัดไป ไม่นำวัตถุดิบที่หมดอายุแล้วมาประกอบอาหาร ฯลฯ
๗.๓.๒ กรณี เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการผลิต จำหน่าย หรือบริหารจัดการธุรกิจอาหารจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ขอให้นำเสนอประวัติและตัวอย่างผลงานของบริษัท แนบมาด้วย
๗.๓.๓ แนบหลักฐานสำคัญ (สำเนาเอกสารทุกแผ่นให้ลงรายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
กรณีที่ผู้เสนอเป็นนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนสามัญ, ห้างหุ้นส่วนจำกัด, บริษัทจำกัด)
(๑) สำเนาหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล / วัตถุประสงค์แนบท้ายหนังสือรับรอง (มีอายุไม่เกิน ๓ เดือน)
(๒) สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ (มีอายุไม่เกิน ๓ เดือน)
(๓) สำเนาบัญชีรายชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ (ถ้ามี)
(๔) สำเนาบัญชีผู้มีอำนาจควบคุม และบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ถ้ามี)
(๕) สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๒๐)
(๖) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่จะเซ็นสัญญากับ สสส. (ต้องเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น)
ในกรณีมีการมอบอำนาจ ต้องมีเอกสารเพิ่ม ดังต่อไปนี้
– สำเนาหนังสือมอบอำนาจ
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ
– สำเนาบัตรประชาชนของพยาน ๑ ท่าน
– อากรแสตมป์ ๓๐ บาท
(ผู้ประกอบการ/ผู้มีอำนาจเป็นผู้รับรองสำเนาถูกต้อง เอกสารทุกฉบับต้องประทับตราบริษัทและลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง อย่างละ ๑ ฉบับ)
ในกรณีผู้เสนอเป็นคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
(๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจ
(๒) สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ (ถ้ามี)
(๓) สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี (ใบการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม) (ถ้ามี)
(๔) สำเนาข้อตกลงที่แสดงถึงการเข้าเป็นหุ้นส่วน (ถ้ามี)
(๕) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เป็นหุ้นส่วน
ในกรณีผู้นำเสนอเป็นบุคคล
(๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
(๒) สำเนาทะเบียนบ้าน
(๓) คำรับรองยินยอมให้ทำนิติกรรมของคู่สมรส (ถ้ามี)
๗.๔ ประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทางโทรศัพท์ และทาง www.thaihealth.or.th ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓
๘. เงื่อนไขเพิ่มเติมในการพิจารณา
๘.๑ หากผู้เสนอราคารายใดมีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามที่กำหนด หรือยื่นหลักฐานไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน สสส.จะไม่รับพิจารณาข้อเสนอโครงการรายนั้น เว้นแต่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือกรณีมิใช่สาระสำคัญ ทั้งนี้เฉพาะที่พิจารณาเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ สสส. เท่านั้น
๘.๒ ในการทำสัญญาหรือข้อตกลง สสส. มีสิทธิต่อรอง หรือให้ผู้เสนอราคาชี้แจงข้อเท็จจริง รายละเอียดของแผนงาน สภาพ ฐานะ หรือข้อเท็จจริงอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผู้เสนอได้
๘.๓ สสส. มีสิทธิที่จะไม่รับข้อเสนอใดข้อเสนอหนึ่ง หรือข้อเสนอทั้งหมดก็ได้ และอาจพิจารณาเลือกจำนวน หรือประเภท หรือเฉพาะรายการหนึ่งรายการใด หรืออาจจะยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่พิจารณาคัดเลือกได้ ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของ สสส. และเป้าหมายของงานเป็นสำคัญ และให้ถือว่าการตัดสินของ สสส. เป็นเด็ดขาด ผู้เสนอจะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ มิได้
๘.๔ ในกรณีที่ผลงานของผู้เสนอ อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย ทาง สสส. มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญา และจัดจ้างผู้เสนอแผนงานรายใหม่มาดำเนินการแทน
๙. ข้อตกลงเพิ่มเติมในการทำสัญญา
๙.๑ สัญญามีกำหนดระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี ( เริ่มตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ จนถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) ทั้งนี้ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประสงค์จะยุติสัญญานี้ สามารถกระทำได้โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งรับทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๔ เดือน ทั้งนี้ผู้ได้รับการคัดเลือกจาก สสส. แล้ว จะต้องผูกพันตามประกาศนี้และตามข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือก โดยผู้ได้รับการคัดเลือกต้องทำสัญญาภายในระยะเวลา และปฏิบัติตามที่ สสส. กำหนดตลอดอายุของสัญญา
อนึ่งหากเกิดปัญหา อุปสรรค หรือเหตุสุดวิสัย ไม่สามารถดำเนินการตามที่ระบุไว้ในสัญญาได้ ผู้ได้รับการคัดเลือกจะต้องแจ้งต่อ สสส. เพื่อขอเปลี่ยนแปลง แก้ไข โดยดำเนินการให้อยู่ในกำหนดระยะเวลาของสัญญา กรณีมีข้อสงสัยให้ถือว่าคำวินิจฉัยของ สสส. เป็นข้อยุติ
๙.๒ ผู้ได้รับการคัดเลือกต้องยื่นเงินประกันความเสียหายต่อ สสส. เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ในรูปแบบของหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หรือ แคชเชียร์เช็ค หรือ พันธบัตรรัฐบาลไทย โดย สสส. จะมอบคืนเมื่อหมดภาระผูกพันทางสัญญา ทั้งนี้ หากผู้ได้รับการคัดเลือกกระทำการหรืองดเว้นกระทำการผิดไปจากข้อกำหนดหรือเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งตามประกาศนี้ เป็นเหตุทำให้พื้นที่ ครุภัณฑ์ และการดำเนินงานของ สสส. เสียหาย สสส.มีสิทธิ์ริบเงินประกันทันที และหากมีค่าเสียหายเพิ่มเติมผู้ได้รับคัดเลือกต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าวแก่ สสส.ทุกประการ
๙.๓ ผู้ได้รับคัดเลือกและผู้สัมผัสอาหารต้องผ่านการอบรมหลักสูตรสุขาภิบาลอาหารของกรุงเทพมหานครหรือกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
๙.๔ นอกจากผู้ได้รับคัดเลือกต้องจัดเตรียมอาหารสำหรับขายหน้าร้านแล้ว ต้องจัดเตรียมอาหารสำหรับการจัดประชุมภายใน สสส.เฉลี่ยเดือนละประมาณ ๗๐๐ ที่ (จำนวนอยู่ที่การจัดประชุม) โดยมีประเภท จำหน่ายบัตรอาหาร,จัดเตรียมเป็นชุดเพื่อเสิร์ฟในห้องประชุม และบุฟเฟ่ต์
๙.๕ สสส. ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าพื้นที่ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่รับผิดชอบ รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่เพื่อสร้างเสริมการเรียนรู้
๙.๖ สสส. จะจัดให้มีการติดตามประเมินคุณภาพของร้านอาหารและการบริการเป็นประจำทุก ๓ เดือน เพื่อนำมาใช้พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพ
๙.๗ อื่นๆตามที่ สสส.กำหนด เช่น ลดการใช้พลาสติก ห้ามใช้กล่องโฟม เป็นต้น
๑๐. สถานที่ติดต่อเพื่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือเสนอแนะวิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นโดยเปิดเผยตัว
ฝ่ายอำนวยการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๒๐ โทรศัพท์หมายเลข ๐-๒๓๔๓-๑๕๐๐ ต่อ ๓๔๐๗ โทรสารหมายเลข ๐-๒๓๔๓-๑๕๐๑ ทั้งนี้ ภายใน ๕ วัน นับตั้งแต่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ประกาศในเว็บไซต์ www.thaihealth.or.th
๑๑. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
นางสาวฐิติมา แสงรักษา
ฝ่ายอำนวยการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ ๙๙/๘ ซอยงามดูพลี
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๒๐
โทรศัพท์หมายเลข ๐-๒๓๔๓-๑๕๐๐ โทรสารหมายเลข ๐-๒๓๔๓-๑๕๐๑
โทรศัพท์มือถือ ๐๘๗-๕๑๐-๐๒๗๑
Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ