กองทุนสื่อฯ ความหวังเด็กไทยเข้าถึงหนังสือ
โครงการจับตากองทุนสื่อ เครื่องมือหนุนอนาคตชาติ ภายใต้การสนับสนุนโดยแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และได้เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการจัดทำกฎหมายของรัฐบาล ก่อนที่จะผ่านมาเป็นกฎหมายในอนาคต การระดมความคิดเห็นในกลุ่มหนังสือและวรรณกรรม มีหลายมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องได้แสดงทัศนะไว้อย่างน่าสนใจว่า กองทุนนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรในวงการหนังสือและวรรณกรรมสำหรับเด็ก
นายอิทธิวัฐก์ สุริยมาตย์ นักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่มอย่าง “ลิ้นชักแห่งความทรงจำ” “โรงเรียนเม็ดก๋วยจี๊” “อุดมสุข” “มะเขื่อง” ฯลฯ แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันปัญหาการเข้าถึงหนังสือของเด็กคือ หนังสือหรือวรรณกรรมสำหรับเด็กมีราคาสูง เด็กที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเหล่านี้จริงๆ คือ ก็จะเป็นเด็กกลุ่มเดียวจากครอบครัวที่มีรายได้พอจะเลือกซื้อหนังสือเหล่านี้ให้ลูกได้ แต่เด็กจากครอบครัวยากจนหรือเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จะไม่มีโอกาสได้อ่านด้วย เหตุที่หนังสือมีราคาค่อนข้างสูงนั้น เชื่อมโยงกับต้นทุนการผลิตด้วยทั้ง ค่ากระดาษ โรงพิมพ์ ต้นทุนการผลิตสูง และวนกลับมาเรื่องยอดพิมพ์ในการอ่าน คือ ถ้าพิมพ์น้อยจะมีต้นทุนสูง ถ้าพิมพ์มากต้นทุนจะต่ำลง ปัญหาก็วนกลับมาทางฝ่ายผลิตถ้าจำหน่ายได้น้อยราคาจึงสูงเหล่านี้เป็นกลไกของการตลาด หรือหนังสือดีอาจมีการรับรู้แค่คนกลุ่มเดียว เช่น ในงานสัปดาห์หนังสือมีหนังสือได้รางวัลก็อาจรับรู้ได้แค่เพียงกลุ่มเดียว หลังจากนั้นก็ไม่มีการเผยแพร่ โดยหากมีกองทุนสื่อฯ ขึ้นมาจึงอยากให้มีการสนับสนุนทุนด้านการจัดซื้อหนังสือ เผยแพร่หนังสือที่ดี เพื่อสร้างโอกาสความเท่าเทียมกันของเด็กไทย
ด้านนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการโครงการสำรวจศึกษาและดำเนินงานแผนงานเสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่าน สสส.กล่าวว่า อยากให้กองทุนสื่อเป็นกองทุนของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ให้การสนับสนุนความรู้อบรมระดับตั้งแต่ผู้ผลิตสื่อ มองไปถึงความเป็นไปได้หรือไม่จะมีการกระจายสื่อดีๆ หรือการเข้าถึงหนังสือได้มากขึ้น ส่วนบทบาทอีกอย่างคือ สร้างสรรค์ผู้ผลิต ทั้งการจัดฝึกอบรม จัดซื้อสื่อหรือว่าโอกาสของผู้ผลิตในการเข้าถึงกองทุนได้ง่ายแต่ไม่ใช่จะสร้างสรรค์เท่านั้น ยังมองไปถึงการพิทักษ์ปกป้องหรือขจัดสื่อร้ายอีกด้วย
“การสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมการอ่าน รวมถึงกิจกรรมการผลิตสื่อสร้างสรรค์ ตั้งแต่ระดับในโรงเรียน ชุมชน ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีเทคโนโลยี เช่น สำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง ช่วยบริหารจัดการ ช่วยให้หนังสือราคาถูก และเข้าถึงได้ง่าย สื่อกระแสหลักอาจใช้ทุนมหาศาล แต่สื่อหนังสือใช้ทุนไม่มากและอยู่ได้คงทนหลายปี อยากให้มีความสำคัญไปที่วรรณกรรมเยาวชน วรรณกรรมท้องถิ่นหรือเรื่องราวที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เยาวชนลูกหลานเข้าเป็นผู้ผลิตเองเพราะกระบวนการที่เด็กผลิตสื่อทำให้เด็กกลั่นกรองทางความคิดและรู้เท่าทันสื่อไปด้วย” นางสุดใจ กล่าว
กลุ่มหนังสือวรรณกรรมยังร่วมระดมสมองและได้ข้อเสนออีกว่า หากมีกองทุนสื่อฯ เกิดขึ้นจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้เด็กเข้าไปมีส่วนร่วม รวมทั้งภาคประชาสังคมเข้ามามีบทบาทในการพิจารณากฎ ระเบียบ เป้าหมายในการผลิตสื่อ เพื่อร่วมพัฒนาคน ชุมชน และถ้าเป็นไปได้อาจก้าวถึงการขับเคลื่อนทางสังคม
นอกจากนี้ ด้านการขอทุนในกองทุนสื่อฯ ต้องมีกระบวนการตรวจสอบตั้งแต่กระบวนการเปิดรับทั่วไปและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้รู้อย่างทั่วถึงและกระบวนการเข้ามามีส่วนร่วมกับกองทุนสื่อฯ จะสามารถทำได้อย่างไร การเปิดรับต้นฉบับหรือกระบวนการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ สร้างสรรค์สื่อสิ่งพิมพ์ กระบวนการตรวจสอบภายหลังการทำงาน เป็นต้น เหล่านี้เป็นเสียงจากกลุ่มคนเล็กๆ เพื่อร่วมจุดความหวังให้เกิด “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” มาสร้างสรรค์หนังสือ วรรณกรรม สำหรับทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนกว่า 26 ล้านคนทั่วประเทศ
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง