กระบวนการละครสร้างสุข
ปล่อยพลังดีมีประโยชน์
กระบวนการละครไม่ได้หมายถึงละครทีวีที่เห็นอยู่ดาษดื่น หรือการปั้นให้นักแสดงให้เป็นดารานั้นอาจจะเรียกว่าละคร แต่กระบวนการละครคือสอนให้เด็กคิดธีมเรื่อง ศึกษาตัวละครนั้น ๆ แล้วสื่อออกมาด้วยคำพูดท่าทาง และร่างกายประกอบกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดว่าต้องการบอกอะไรกับคนดู เสมือนการทำงานศิลปะแขนงหนึ่ง ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีพรสวรรค์ หรือหน้าตาสวยหล่อ
ละครจึงถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะมาปรับใช้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง การทำงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งในปีนี้ด้วย เน้นการทำงานในเชิงรุกอย่างเข้มข้น จึงนำกระบวนการละครมาเสริมสร้างและเปลี่ยนพฤติกรรมเยาวชน โดยให้งบประมาณสนับสนุนการทำกระบวนการละครผ่านทางกลุ่มเครือข่ายละคร
ประภาส นวลเนตร ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อสื่อศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์ สสส.กล่าวว่า สสส.โดยแผนงานอุปถัมภ์ฯ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายละครสำหรับเยาวชนทั่วประเทศ ประกอบด้วย กลุ่มวิชาชีพด้านการละคร สถานศึกษาที่เปิดสอนด้านการละคร องค์กรภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศ เริ่มทำมา 2 ปีแล้ว แต่ในปีนี้ได้แบ่งเป็นกลุ่มภาค ได้แก่ภาคกลางภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน
“จากงานวิจัยพบว่าละครช่วยเปลี่ยนแปลงเยาวชนในเชิงสร้างสรรค์ได้ กระบวนการละครช่วยทำให้เด็กกล้าแสดงออก ช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็กให้อ่อนโยนคอนเซปต์ของละคร แม้จะเป็นความคิดเล็ก ๆ แต่นำไปสู่สิ่งที่ยิงใหญ่” ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานอุปถัมภ์เชิงรุกฯ สสส.ระบุ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มละครทั้งหมดที่ สสส. ให้การสนับสนุน กลุ่มละครภาคกลางโดดเด่นสุดนั้นเพราะมีเกจิละครชื่อดังอยู่ในย่านนี้ อาทิ ครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน ครูช่าง ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง คุณพิเชษฎ์ กลั่นชื่น และคุณนิกร แซ่ตั้ง ซึ่งเป็นศิลปาธรปีล่าสุด เข้ามาถ่ายทอดศิลปะการละคร ขณะที่ภาคอื่น ๆ แม้ละครไม่โดดเด่น เช่น ภาคอีสาน นำละครมาผสมผสานกับงานศิลปะด้านอื่นทั้งการละเล่นพื้นบ้าน การแต่งกลอน วาดภาพ เป็นต้น ช่วยดึงให้คนในท้องถิ่นเข้ามาทำความรู้จักกับกระบวนการของละคร
“อัตลักษณ์ของละครกลุ่มภาคกลาง สะท้อนในความเป็นสังคมเมือง แต่ผสมผสานกันได้กับวัฒนธรรมท้องถิ่น เด็กเขาช่องพรานจะมีภาษาพูดเป็นภาษาท้องถิ่น จะไม่ค่อยพูด แต่เด็กเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า จะพูดเก่งแต่ไม่ค่อยฟัง แต่เขามีวัฒนธรรมที่แทรกซ้อนเหมือนกันคือวัฒนธรรมเกาหลี ชอบวงบอดี้สแลม แต่กลับมองว่าสิ่งแปลกปลอมทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งดีทำให้เขาคุยกัน” เชิดศักดิ์ ประทุมศรีสาคร จากคณะละครด้นสด ยอดยิ่งยวด เล่าถึงบรรยากาศค่ายละคร ก่อนเปิดแสดงในมหกรรมละครภาคกลาง
“มหกรรมละครสำหรับเยาวชนระดับภาคกลาง” รูดม่านปิดฉากไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในชื่อตอนรวมพล เยาวชน ชมละคร อร่อย ณ โรงละครเจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ควันหลงจากละครครั้งนี้ ที่อยากหยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง เห็นจะเป็นการเตรียมงานของคณะเครือข่ายภาคกลาง ที่นำทีมโดย เชิดศักดิ์ ประทุมศรีสาคร จากคณะละครด้นสด ยอดยิ่งยวด มานพ มีจำรัส นักแสดงรางวัลศิลปาธร 2548 และผู้ก่อตั้งสวนศิลป์บ้านดิน ต.เจ็ดเสมียนและโรงเรียนเขาช่องพราน มหกรรมละครภาคกลาง เนรมิตเวทีริมน้ำในตลาดวัดเจ็ดเสมียนให้เป็นโรงละครกลางแจ้งในช่วงแดดร่มลมตก รวบรวมละครจากโรงเรียนต่างๆ อาทิ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าเขาช่องพรานวิทยา กลุ่มละครบางเพลย์ เป็นต้น และการแสดงของเด็ก ๆ ในสวนศิลป์บ้านดิน บรรยากาศการแสดงวันนั้นเรียบง่าย แต่มีแก่นสาร ไม่มีฉากเครื่องเสียงอลังการ แต่ทุกคณะสื่อเรื่องราวออกมาให้คิด กระทบใจคนดู อีกทั้งสร้างเสียงหัวเราะ ความบันเทิงได้ในยามเย็น
ไม่ใช่ครั้งแรกของชาวเจ็ดเสมียนที่ได้ชมศิลปะกระตุกต่อมคิด ณ ท่าน้ำตรงนี้ พื้นที่ริมน้ำที่เมื่ออดีตทำหน้าที่เป็นเพียงท่าเรือไว้ใช้ยามมีงานแข่งเรือในฤดูน้ำหลากของทุกปี แต่ไอเดียที่นำพื้นที่สาธารณะเกิดขึ้นจากคุณมานพ และกลุ่มสมาชิกเทศบาลชุดที่แล้ว ที่ขวนขวายนำศิลปะการแสดงต่างถิ่น ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแจซซ์การแสดงละครใบ้ ละครหน้าขาว ชาวเจ็ดเสมียนได้ยลมาแล้วบริเวณท่าน้ำดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับคนต่างถิ่น มานพบอกว่า ในเดือน พ.ย.เขาจะร่วมกับชุมชนจัดงานใหญ่ อาร์ต เฟสติวัล ในพื้นที่ตรงจุดนี้ เพราะบรรยากาศที่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นวิถีชุมชน ไม่ว่าจะเป็นตลาด 100 ปีเจ็ดเสมียน วัด และสถานีรถไฟ อายุ 130 ปี (ปัจจุบันถูกรื้อแล้วเพื่อสร้างใหม่โดยงบไทยเข้มแข็ง โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบก่อนล่วงหน้าว่าจะถูกรื้อ) ท่าน้ำ อีกทั้งชาวเจ็ดเสมียนยังมีงานหัตถกรรมเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ว่าจะเป็นงานเซรามิก งานเทียนหอม ผลงานศิลปะและการละครจากสวนศิลป์บ้านดิน การจัดงานครั้งนี้เพื่อหารายได้สร้างสถานีรถไฟเก่าขึ้นมาใหม่ เพราะยังมีการเก็บไม้ที่เป็นที่ทำการสถานีไว้
สถานที่และบรรยากาศของเจ็ดเสมียนส่วนหนึ่งเอื้อให้บรรยากาศการแสดงศิลปะการแสดงดูรื่นรมย์ แต่ในตัวชุมชน ชุมชนที่นี่มีปัญหาหย่าร้างสูง
“ปัญหาวัยรุ่นในพื้นที่สืบเนื่องมาจากครอบครัวพ่อแม่มีปัญหาหย่าร้างสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความรู้ พ่อแม่ต้องทำงานหนัก บางคนทำงานโรงงาน ตอนกลางคืนไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลย เด็กขาดความรักความอบอุ่น” เกียรติศักดิ์ คฤหบดี ผู้อำนวยการโรงเรียนเขาช่องพราน บอกถึงปัญหาสังคมในพื้นที่ โดยมองว่ากระบวนการละครจะมาช่วยขัดเกลาเด็กกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ให้มีพื้นที่ในการแสดงออก ซึ่งกระบวนการละครเมื่อทำเป็นกิจกรรมได้แล้วจะตระเวนไปแสดงตามโรงเรียนอื่นด้วย เหล่านี้เป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็ก ทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง แม้จะขาดความอบอุ่นในครอบครัวด้วย เชื่อว่าเมื่อเขามีศรัทธา และสมาธิกับกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยดึงให้สนใจการเรียนมากขึ้น
ผู้อำนวยการโรงเรียนเขาช่องพราน เล่าว่า สำหรับโรงเรียนในต่างจังหวัดขาดโอกาส แต่เมื่อคณะละครของครูช่างเข้ามาที่โรงเรียนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีเด็กกว่า 100 คนในโรงเรียนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ โดยทางโรงเรียนสนับสนุนงบประมาณร่วมกับเทศบาลสร้างอารีน่าบรรจุคนได้ประมาณ 80 คนในโรงเรียนไว้เป็นที่แสดงละครและทำกิจกรรมอื่นด้วย
อรวรรณ ปานสวย นร.ชั้น ม.5 รร.เขาช่องพราน บอกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองว่า หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมกระบวนการละคร ทำให้เป็นคนที่กล้าที่จะพูดหน้าชั้น และถามอาจารย์บ่อยขึ้น แต่ก่อนไม่คิดว่าจะทำได้ ซึ่งพอทำละครเราจะช่วยกันคิด แสดงความคิดเห็น และนำละครไปใช้ในการเรียนด้วย ใช้ตอนเรียนภาษาอังกฤษ ก็แสดงละครสอดแทรกความรู้ ทำให้เรียนสนุก
มหกรรมละครสำหรับเยาวชนระดับภูมิภาค ยังเหลือการแสดงอีก 2 ภาคคือ ภาคเหนือและภาคใต้ ชื่อตอน ละครดี ดี ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดี ของความคิดเล็ก ๆ สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สังคมได้ วันเสาร์ที่ 18 กันยายน 53 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป บริเวณ ลานปูดำ หน้าเขาขนาบน้ำ จังหวัดกระบี่
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update : 14-09-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร