กระตุ้นเด็กไทยอ่านหนังสือ ถวายเจ้าฟ้านักอ่าน

          หัวใจของการเพิ่มพูนความรู้ทางปัญญาคือการอ่าน ทั้งนี้ การอ่านยังเป็นสิ่งที่เจ้าฟ้านักอ่านของไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้ความสำคัญมาโดยตลอด ด้วยพระจริยวัตรและความสนพระทัยในการอ่าน การจดบันทึก การเขียน และการเรียนรู้ที่พสกนิกรไทยได้เห็นจนถือพระองค์เป็นต้นแบบนักอ่าน

/data/content/23694/cms/afgipuvwx467.jpg

          ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 ทางสำนักงานอุทยานการเรียนรู้  (สอร.) หรือ TK park จึงร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน”

          กระตุ้นการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ในเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนในทุกสังกัดทั่วประเทศ และเพื่อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 7 เมษายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

          ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานคณะอนุกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) และกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า TK park มีบทบาทในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน การคิด และการแสวงหาความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย จึงได้รณรงค์ส่งเสริมการอ่านทั่วประเทศภายใต้โครงการ Read Thailand : อ่านเถิด…เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน โดยได้เริ่มโครงการเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 ปรากฏว่ามีโรงเรียนให้ความสนใจเข้าร่วมการประกวดกว่า 3,932 แห่ง และได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย 37แห่ง”

          เราได้แบ่งการแข่งขันของโรงเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คือโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 150 คน โรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียน 150-300 คน และโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียน 300 คนขึ้นไป โดยมีเกณฑ์การตัดสิน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารจัดการส่งเสริมการอ่าน,ด้านมาตรฐานส่งเสริมการอ่าน, ด้านประสิทธิภาพของแหล่งเรียนรู้ห้องสมุดมีชีวิต, ด้านผลที่เกิดกับผู้เรียนและบุคลากรในสถานศึกษา และด้านคุณภาพเชิงประจักษ์”

          นอกจากนั้นทางคณะทำงานได้ทำการคัดเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับนักเรียนชั้น ป.5 โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

          หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ หนังสือที่สอดคล้องกับกลุ่มสาระ และบทอาขยานที่จะทำให้เด็ก ๆ ได้ความรู้ มีการบันทึก และสร้างนิสัยการวิเคราะห์ “โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ส่งคณะกรรมการระดับชาติลงพื้นที่สำรวจ เก็บข้อมูลในโรงเรียนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 37 แห่ง ที่จะเข้ามาจัดนิทรรศการ และนำเสนอวิธีส่งเสริมการอ่านที่โรงเรียนได้ทำ เพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาตัดสินว่าโรงเรียนใดควรจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทาน

          ดร.สิริกร อธิบายเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เลือกนักเรียนระดับชั้น ป.5 เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่เริ่มมีการวิเคราะห์ได้ดีและมีความนิ่ง ในขณะที่นักเรียนระดับชั้น ป.4 ยังเพิ่งเริ่มต้น และนักเรียนระดับชั้น ป.6 อาจมีความกังวลเรื่องการสอบเข้าสถาบันต่าง ๆ ในการเรียนต่อระดับมัธยมศึกษา

          “เราได้รับการวัดผลนักเรียน 120,054 คนซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมโครงการโดยตรง และเนื่องจากเรามีเกณฑ์การตัดสินด้านบริหารจัดการส่งเสริมการอ่าน จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้โครงการนี้สามารถส่งผลครอบคลุมนักเรียน 1,061,398 คน ได้รับการสร้างนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ ร่วมไปกับการประกวดครั้งนี้ด้วย”

/data/content/23694/cms/adfjklqwxy17.jpg

          ด้าน มัจฉรีย์ พงศ์สุวรรณ ครูแกนนำโครงการ Read Thailand แห่งโรงเรียนบ้านหนองม่วงหวาน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนหนังสือ จึงทำให้เด็ก ๆ ไม่ค่อยอยากเข้าห้องสมุด แต่เมื่อได้รับหนังสือใหม่จาก TK park ก็ทำให้เด็ก ๆ หันมาใช้บริการห้องสมุดมากขึ้น

          “เรามีเทคนิคการส่งเสริมการอ่านโดยจัดการประกวดยอดนักอ่านเป็นรายเดือนและมอบรางวัลให้กับยอดนักอ่านที่มีสถิติใช้ห้องสมุดและยืมหนังสือมากที่สุด ส่วนกิจกรรมการส่งเสริมการอ่านที่เป็นจุดเด่นของโรงเรียน คือ กิจกรรมบูรณาการการอ่านทุกวันจันทร์ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ซึ่งเด็กทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมนี้ โดยแบ่งเป็นกลุ่มประมาณ 10-15 คน คละระดับชั้นกัน โดยพี่ ป.6 จะเป็นหัวหน้ากลุ่มพาน้อง ๆ ทำภารกิจที่ครูมอบหมายให้ เช่น อ่านหนังสือแต่ละบทแล้วนำมาวาดรูปและเขียนตามคำบอก เป็นต้น เราใช้เทคนิคการวาดภาพระบายสีมาพัฒนาการทักษะการอ่าน เพื่อทำให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น ส่งผลให้เด็กมีความสนใจที่จะมาอ่านหนังสือ และเป็นการสร้างมิตรภาพระหว่างนักเรียนด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเด็กที่เข้าร่วมโครงการจะอ่านหนังสือประมาณ 80เล่ม”

         หลายพันโรงเรียนต่างมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Read Thailand ซึ่งไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในการประกวด สิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกโรงเรียนได้รับ คือ นิสัยรักการอ่านที่จะถูกปลูกฝังอย่างยั่งยืน สู่การเป็นผู้ใฝ่รู้เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไป

 

 

          ที่มา : เว็บไซต์ประชาชาติออนไลน์

Shares:
QR Code :
QR Code