กรมวิทย์ฯ จับมือ ศิริราชฯ วิจัยรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม
กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราชจัดทำโครงการพัฒนาสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อนำมาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาจอประสาทตาเสื่อม
น.พ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราชจัดทำโครงการพัฒนาสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อนำมาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาจอประสาทตาเสื่อม โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รับหน้าที่ในการเตรียมเซลล์ต้นกำเนิดชนิด dmsc stem pro เพื่อให้ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รับหน้าที่ในการนำเซลล์ต้นกำเนิดไปใช้ในการพัฒนาวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาจอประสาทตาเสื่อม โดยกระบวนการเตรียมเซลล์ต้นกำเนิดชนิดที่เรียกว่า dmsc stem pro ได้จากการเพาะเลี้ยงจากไขกระดูกของผู้ป่วยเอง แล้วนำมาพิสูจน์เอกลักษณ์และตรวจสอบการปนเปื้อน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงนำไปบรรจุหลอด แล้วฉีดเข้าไปในวุ้นตาของผู้ป่วยเพื่อทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์จอประสาทตาให้ช้าลง ช่วยไม่ให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นและสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ
ด้าน น.พ.สมชาย แสงกิจพร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กล่าวเสริมว่า การพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาจอประสาทตาเสื่อม ขณะนี้ได้มีการทดลองในขั้นตอนที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นตอนของการทดสอบในเรื่องของความปลอดภัย โดยพบว่าเซลล์ต้นกำเนิดที่เตรียมได้มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดสากล isct (international society for cellular therapy) ทั้งในด้านลักษณะรูปร่าง การเจริญเติบโตยึดเกาะพื้นผิวพลาสติกภาชนะเลี้ยงเซลล์ การแสดงออกของแอนติเจนบนผิวเซลล์ และความสามารถในการเจริญเติบโตไปเป็นเซลล์ไขมัน เซลล์กระดูกและเซลล์กระดูกอ่อน รวมถึงความสะอาดปราศจากการปนเปื้อน endotoxin และจุลชีพ ผลการฉีดเซลล์ต้นกำเนิดเข้าวุ้นตาแก่ผู้ป่วย 2 ราย ไม่พบภาวะแทรกซ้อนแต่ประการใด การดำเนินการวิจัยทางคลินิกทุกขั้นตอนปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดี และข้อบังคับของแพทยสภาอย่างเคร่งครัด และจะมีการทดสอบในผู้ป่วยอาสาสมัครอีก 3 รายให้ครบ 5 รายภายใน 6 เดือนนี้ หากผลการทดสอบไม่พบความผิดปกติหรืออันตรายจากกระบวนการ ทางแพทยสภาก็จะมีการอนุญาตให้ทดสอบในขั้นที่ 2 กับผู้ป่วยอาสาสมัครอีก 20-30 ราย เพื่อดูประสิทธิผลของการรักษา หากผลการศึกษาวิจัยทางคลินิกครั้งนี้ได้ผลดี คาดว่าภายใน 3-5 ปีนี้ ก็จะสามารถนำมาพัฒนาการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคจอประสาทตาเสื่อม
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง