กรมทางหลวงเผย 47 เส้นทางเสี่ยง แนะเส้นทางเลี่ยง

ที่มา : แนวหน้า


กรมทางหลวงเผย 47 เส้นทางเสี่ยง แนะเส้นทางเลี่ยงเมือง thaihealth


แฟ้มภาพ


กรมทางหลวงเผย 47 เส้นทางเสี่ยงอันตราย พร้อมแนะเส้นทางเลี่ยงเมืองทั่วทุกภาค


ประชาชนและนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง ได้เริ่มทะยอยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย 2561 กันแล้ว ส่งผลให้บนถนนสายหลักมุ่งหน้าภาคอีสาน และภาคเหนือ รวมทั้งภาคใต้ในวันนี้มีรถยนต์หนาแน่นมากขึ้นกว่าปกติ และในแต่ละปีจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนากันจำนวนมากจนทำให้การจราจรบนถนนทุกเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ หนาแน่นไปด้วยรถนานาชนิด ซึ่งในแต่ละปีจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน


ดังนั้น ก่อนที่จะเดินทางประชาชนควรจะศึกษาเส้นทางกันให้รอบคอบเสียก่อนเพื่อการเดินทางจะได้เกิดความปลอดภัยและถึงที่หมายได้อย่างมีความสุขกลับมาทำงานต่อได้โดยไม่เกิดการสูญเสีย


ก่อนหน้านี้ กรมทางหลวงได้รวบรวมเส้นทางที่เห็นว่า "อันตราย" ไว้ทั้งหมด 47 เส้นทางด้วยกันเพื่อประกาศเตือนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวและกลับภุมิลำเนาเล่นน้ำสงกรานต์กันได้อย่างปลอดภัย โดยทั้ง 47 เส้นทางมักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อย ส่วนมูลเหตุการเกิดเหตุส่วนใหญ่มาจากขับรถเร็ว หลับใน เมาสุรา ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร ฯลฯ


สำหรับ 47 เส้นทางอันตรายดังกล่าวมีดังนี้


ลำดับที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนโนนปอแดง-ปากดง ระหว่าง กม. 386 –394 จังหวัดกำแพงเพชร 


ลำดับที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนวังม่วง – แม่เชียงรายบน ระหว่าง กม.535 – 540 จังหวัดตาก 


ลำดับที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนหนองหมู – ห้วยยาง ระหว่าง กม. 276 813- 295 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 


ลำดับที่ 4 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนน้ำรอด-พ่อตาหินช้าง ระหว่าง กม. 425-440 จังหวัดชุมพร 


ลำดับที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนเขาพับผ้า – พัทลุง ระหว่าง กม. 1158 1163 จังหวัดพัทลุง 


ลำดับที่ 6 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนกลางสะพานมิตรภาพแม่สอด – แม่ละเมา ระหว่าง กม. 1- 6 จังหวัดตาก 


ลำดับที่ 7 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนสูงเนิน – ท่าแร่ ระหว่าง กม. 161- 167 จังหวัดสกลนคร 


ลำดับที่ 8 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนกุรุคุ – นครพนม ระหว่าง กม. 235-240 จังหวัดนครพนม 


ลำดับที่ 9 ทางหลวงหมายเลข 33 ตอนบางปะหัน – โคกแดง ระหว่าง กม. 49- 62 จังหวัดอยุธยา 


ลำดับที่ 10 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนถ้ำพรรณรา – ทุ่งสง ระหว่าง กม. 264-271 จังหวัดนครศรีธรรมราช 


ลำดับที่ 11 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนสี่แยกโพธิ์ทอง – พัทลุง ระหว่าง กม. 377- 382 616 จังหวัดพัทลุง 


ลำดับที่ 12 ทางหลวงหมายเลข 43 ตอนนาหม่อม – จะนะ ระหว่าง กม. 270 – 320 จังหวัดสงขลา 


ลำดับที่ 13 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนร้องกวาง – สวนป่า ระหว่าง กม. 283-290 จังหวัดแพร่ 


ลำดับที่ 14 ทางหลวงหมายเลข 118 ตอนท่าก๊อ – ดงมะดะ ระหว่าง กม. 132 139 จังหวัดเชียงราย 


ลำดับที่ 15 ทางหลวงหมายเลข 205 ตอนโคกสวาย – ขท.นครราชสีมาที่ 1 ระหว่าง กม. 204 209 จังหวัดนครราชสีมา 


ลำดับที่ 16 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนย้อมพัฒนา – นาโพธิ์ ระหว่าง กม. 406-411 จังหวัดมุกดาหาร 


ลำดับที่ 17 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนหนองยอ – อุบลราชธานี ระหว่าง กม. 568-574 จังหวัดอุบลราชธานี 


ลำดับที่ 18 ทางหลวงหมายเลข 224 ตอนพะโค – หนองสนวน ระหว่าง กม. 90- 95 จังหวัดนครราชสีมา 


ลำดับที่ 19 ทางหลวงหมายเลข 226 ตอนหัวทะเล – หนองกระทิง ระหว่าง กม. 15 20 จังหวัดนครราชสีมา 


ลำดับที่ 20 ทางหลวงหมายเลข 304 ตอนดอนขวาง – โพธิ์กลาง ระหว่าง กม.272-278 จังหวัดนครราชสีมา 


ลำดับที่ 21 ทางหลวงหมายเลข 402 ตอนหมากปรก – เมืองภูเก็ต ระหว่าง กม. 30- 35 จังหวัดภูเก็ต 


ลำดับที่ 22 ทางหลวงหมายเลข 1084 ตอนป่าแดง – หาดชะอม ระหว่าง กม. 5- 14 จังหวัดนครสวรรค์ 


ลำดับที่ 23 ทางหลวงหมายเลข 2044 ตอนร้อยเอ็ด – หนองดง ระหว่าง กม. 0 184 – 5 จังหวัดร้อยเอ็ด 


ลำดับที่ 24 ทางหลวงหมายเลข 3395 ตอนวัฒนานคร – โคคลาน ระหว่าง กม. 82- 87 จังหวัดสระแก้ว 


ลำดับที่ 25 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนสระบุรี – ตาลเดี่ยว ระหว่าง กม. 0-5 จังหวัดสระบุรี 


ลำดับที่ 26 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนปากท่อ – สระพัง ระหว่าง กม.123-133 จังหวัดสมุทรสงคราม 


ลำดับที่ 27 ทางหลวงหมายเลข 35 ตอนสะพานขึ้นแม่น้ำท่าจีน-ยาโคก ระหว่าง กม.4-5 จังหวัดสมุทรสาคร 


ลำดับที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนเกาะมุกข์ – ควนรา ระหว่างกม. 118 – 132 จังหวัดสุราษฎร์ธานี 


ลำดับที่ 29 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนแยกบ้านฝ้าย – ร้องกวาง ระหว่าง กม. 252 – 257 จังหวัดแพร่ 


ลำดับที่ 30 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนพาน – สันทรายหลวง ระหว่าง กม. 916- 922 จังหวัดเชียงราย 


ลำดับที่ 31 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนแม่คำ – กลางสะพานแม่น้ำสาย ระหว่าง กม. 972 – 976จังหวัดเชียงราย 


ลำดับที่ 32 ทางหลวงหมายเลข 3 ตอนชลบุรี – ศรีราชา ระหว่าง กม. 98 – 103 จังหวัดชลบุรี 


ลำดับที่ 33 ทางหลวงหมายเลข4 ตอนคลองหวะ – พังลา ระหว่าง กม. 1258 642-1263 จังหวัดสงขลา 


ลำดับที่ 34 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนเข็กน้อย – แยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ระหว่าง กม.340 – 348 จังหวัดเพชรบูรณ์ 


ลำดับที่ 35 ทางหลวงหมายเลข 217 ตอนวารินทร์ชำราบ – พิบูลมังสาหาร ระหว่าง กม. 22 – 37 จังหวัดอุบลราชธานี 


ลำดับที่ 36 ทางหลวงหมายเลข 323 ตอนแยกปากกิเลน – น้ำตกไทรโยคใหญ่ ระหว่างกม.110 – 115 จังหวัดกาญจนบุรี 


ลำดับที่ 37 ทางหลวงหมายเลข 401 ตอนบางกุ้ง – เขาหัวช้าง ระหว่าง กม.175 – 180 จังหวัดสุราษฎร์ธานี 


ลำดับที่ 38 ทางหลวงหมายเลข 1009 ตอนจอมทอง – ดอยอินทนนท์ ระหว่าง กม. 0 5 จังหวัดเชียงใหม่ 


ลำดับที่ 39 ทางหลวงหมายเลข 4030 ตอนถลาง – หาดราไวย์ ระหว่าง กม. 26-28 290 และ 29 790-32 จังหวัดภูเก็ต


สำดับที่ 40 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนขอนแก่น – หินลาด ระหว่างกม. 343- 354 จังหวัดขอนแก่น 


ลำดับที่ 41 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน สระพระ –ห้วยทรายใต้ ระหว่าง กม.187-193 จังหวัดเพชรบุรี 


ลำดับที่ 42 ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนบึงหลัก-หนองเขียว ระหว่าง กม.346-351 จังหวัดอุตรดิตถ์ 


ลำดับที่ 43 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนน้ำดุก – ห้วยซ้ำมะคาว ระหว่าง กม.372-375 จังหวัดเพชรบูรณ์ 


ลำดับที่ 44 ทางหลวงหมายเลข 32 ตอนไชโย – สิงห์ใต้ ระหว่าง กม.78- 83 900 จังหวัดอ่างทอง 


ลำดับที่ 45 ทางหลวงหมายเลข 340 ตอนสาลี – สุพรรณบุรี ระหว่าง กม. 55-60 จังหวัดสุพรรณบุรี 


ลำดับที่ 46 ทางหลวงหมายเลข 3312 ตอนลำลูกกา – คลองใน ระหว่าง กม.19-21 จังหวัดนครนายก 


ลำดับที่ 47 ทางหลวงหมายเลข 4029 ตอนกระทู้ – ป่าตอง ระหว่าง กม 0.-3 236 จังหวัดภูเก็ต


อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวง ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางศึกษาเส้นทางก่อนการออกเดินทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอ และหากรู้สึกง่วงขณะขับรถให้จอดแวะพักในจุดบริการของกรมทางหลวง รวมทั้งต้องไม่ขับขี่ขณะมึนเมา และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจร กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอความร่วมมือในการปฎิบัติตาม นโยบายของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด


ตร.ทล.แนะ "เส้นทางเลี่ยงเมืองทั่วทุกภาค"


พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 นี้ ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงคมนาคม ได้บูรณาการร่วมกันจัดทำแผนอำนวยการจราจรเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงระหว่างวันที่ 11-18 เม.ย.เนื่องจากช่วงดังกล่าวจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกันจำนวนมาก 


ในส่วนของ บก.ทล.นั้นได้ดำเนินการอยู่ 3 รูปแบบคือ 1. การให้บริการ 2. การจัดการจราจร และ 3. การป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง โดยใช้นโยบาย "ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง" โดยมีเป้าหมายคือ 1. มีจุดให้บริการผู้ใช้ทางได้อย่างเพียงพอ 2. เดินทางไปสู่จุดหมาย โดยมีระยะเวลาที่เหมาะสม 3. อุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บต้องลดลง 4. มีการประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 1 แสนราย และ 5. มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ 


1 ด้านการให้บริการ เราได้กำหนดมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 ใน 77 เส้นทางทั่วประเทศ ในส่วนนี้จะมีหน่วยบริการตำรวจทางหลวง จำนวน 200 แห่ง และในจำนวน 88 แห่ง มีบริการห้องนอนแอร์ ห้องน้ำ อาหาร ตรวจรถ ใบสั่ง/ปรับ GPS ไว้พักผ่อนสำหรับเหนื่อยล้า ง่วง จากการขับรถแต่มีจำกัดเพียง 5-6 เตียงต่อหน่วย บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง แต่ละหน่วยสามารถดูได้จาก Google Maps และแอปพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 จะเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในทุกๆ เรื่อง


2 ด้านการจัดการจราจร เมื่อเวลาเดินทางสู่ภาคต่างๆ ตามถนนสายหลัก รถที่เข้าใช้บริการปั้มนำมัน จะมีปริมาณเยอะทำให้ เกิดการกีดขวางการจราจร ส่วนนี้ได้ประสานกับตำรวจภูธร ช่วยจัดการการจราจรบริเวณหน้าปั้มน้ำมัน และร้านอาหาร เพื่อไม่ให้ไปก่อกวนกระแสหลัก รวมถึงในเรื่องคอขวด บางทีเมื่อการจราจรชะลอติดขัด ผู้ขับขี่มักเลือกลงไหล่ทาง พอไปเจอคอสะพานก็เบียดกลับเข้ามา ทำให้การจราจรติดขัดมากกว่าเดิม จึงได้มีการวางกรวย แบริเออร์ เพื่อไม่ให้ไปสร้างคอขวด 


สำหรับห้วงระยะเวลาเดินทางจะเอาสถิติช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในวันที่ 11 เม.ย. ถนนพหลโยธินขาออกช่วงเช้า กลางวัน บ่าย จะมีปริมาณรถเยอะมาก จนถึงคืนวันที่ 12 เม.ย. จึงแนะนำแทนที่ในวันที่ 11 เม.ย. ออกเดินทางเวลา 08.00 น. ลองเปลี่ยนมาเป็นเวลา 03.00-05.00 น. เป็นช่วงที่มีปริมาณรถน้อย ทำให้ใช้เวลาเดินทางที่สั้นลง นอกจากนี้ ยังมีการคืนจุดซ่อมสร้างในถนนสายหลัก ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ และมีมาตรการเปิดช่องทางพิเศษ ขาออก 6 สาย ขาเข้า 10 สาย 


นอกจากนี้ ยังได้ขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร มาช่วยอำนวยความสะดวก ในเส้นทางหลักผลัดละ 413 นาย ตามจุดต่างๆ และแยกที่มีสัญญาณไฟจราจร จะมีตำรวจคอยควบคุมสัญญาณ ส่วนตำรวจนครบาลจะอำนวยความสะดวก บนถนนพระราม 2 ในเส้นทางสายใต้ ซึ่งมีจุดที่มีการจราจรติดขัดหนาแน่น จำนวน 37 จุด ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดชุดรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็ว และรถยกเพื่อแยกและเคลื่อนย้าย รถที่เกิดอุบัติเหตุกีดขวางทางจราจร ตลอด 24 ชั่วโมง 


3 ด้านการป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง จะเข้มงวดในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ สาเหตุหลักมาจากความเร็ว เมาแล้วขับ รวมถึงการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ทางกระทรวงคมนาคม จึงมีมาตรการณรงค์ "ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด" โดยจะมีการตั้งจุดตรวจ จุดจับความเร็ว ได้กำหนดไว้ 77 เส้นทางทั่วประเทศ เป็นของทางหลวง 47 เส้นทาง ทางหลวงชนบท 30 เส้นทาง พร้อมกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ยิ่งเฉพาะจุดที่เคยเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งรวม 11 จุด และมีด่านตรวจความเมาของตำรวจภูธรอีก


นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกรมขนส่งทางบก ทำโครงการ “GPS มั่นใจ” คือการบังคับติด GPS กับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท สามารถรู้ได้ว่ารถคันไหนขับเร็ว ถ้าขับเร็วเจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ แจ้งไปที่คนขับหรือพนักงาน ให้รถชะลอความเร็วรถ แต่ถ้าไม่ชะลอความเร็ว หรือติดต่อไม่ได้ จะแจ้งกับตำรวจทางหลวง ซึ่งมี 170 จุดทั่วประเทศ จะเรียกรถคันดังกล่าวตักเตือน หรือออกใบสั่ง ทางกรมการขนส่งทางบก กำหนดความเร็วรถโดยสารสาธารณะไม่เกิน 90 กม.ต่อชั่วโมงใน 47 เส้นทางรวม 170 จุดทั่วประเทศ 


อีกทั้งยังร่วมกับภาคเอกชน และ บขส. ติดตั้งเครื่องเตือนกันหลับใน โดยสนับสนุนให้ทดลองใช้ฟรี จำนวน 18 เครื่อง ติดกระจายกันไปภาคเหนือ 5 จังหวัด ภาคอีสาน 6 จังหวัด ภาคตะวันออก 3 จังหวัด และภาคใต้ 4 จังหวัด การทำงานของเครื่องเตือนหลับในจะมีตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับม่านตา ถ้าพนักงานขับรถหลับตาเกิด 1.5 วินาที เบาะนั่งจะสั่นและมีเสียงเตือน ทำให้พนักงานขับรถไม่หลับ 


"สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะไม่มีการตั้งเป้าสถิติอุบติเหตุ เพราะรัฐบาลบอกว่าแค่การสูญเสีย 1 คนก็เกินพอแล้ว ฉะนั้นเราพยายามรณรงค์ให้ลดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่" พ.ต.อ.เอกราช กล่าว


"ประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่หนาแน่น ท่านสามารถศึกษาเส้นทางหลัก และเส้นทางรอง สำหรับการเดินทางสู่ภาคต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 ก่อนใครได้ นอกจากนี้ท่านยังสามารถเข้ากลุ่มไลน์ 9 กลุ่มของตำรวจทางหลวง เพื่อจะได้ข้อมูลการจราจร รวมถึงการขอความช่วยเหลือได้ด้วย"

Shares:
QR Code :
QR Code