Page 246 - บันทึกความจงรัก-02.indd
P. 246
ในวันที่น�้าตายังไม่เหือดแห้ง ผู้คนจากทั่วสารทิศมารวมตัวกันเพื่อกู่ก้องร้องเพลง
สรรเสริญพระบารมี ในบ่ายวันนั้น ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคน
สองคนที่นั่งกางร่มสีด�าอยู่กลางท้องสนามหลวง ผู้หญิงมัดผม ร่างเล็กกว่าคือ น้ามณฑา
แจ้งเกษตร อายุ ๕๐ ปี ส่วนหญิงร่างสูง ผมสั้น ที่สวมแว่นด�าปกปิดใบหน้าไว้นั้นคือ
น้าอ�าพันธ์ ชุ่มน้อย อายุ ๕๗ ปี
“เมื่อสมัยก่อนที่อยู่บ้านนอก...”
ยังไม่ทันจะจบประโยคแรก ฉันก็ได้รู้ถึงเหตุของแว่นด�าที่ถูกสวมใส่ในวันที่แดดไม่จัด
ในวันนี้มันท�าหน้าที่บดบังแววตาที่มีความเศร้าเอ่อล้นอยู่ภายในจิตใจ
“คนนี้เขาร้องไห้ตั้งแต่พระองค์ท่านสวรรคต ร้องไห้ตั้งแต่ท่านประชวรหนัก จนถึง
ประกาศเป็นทางการ แต่ตัวเราเองไม่ได้ร้องตั้งแต่ตอนแรก ไม่เชื่อตั้งแต่ตอนแรกว่าพระองค์
ท่านจะไป แต่รอยืนยันแถลงการณ์จากส�านักพระราชวัง พอแถลงการณ์เท่านั้นแหละ กลั้น
น�้าตาไม่ได้แล้ว กลั้นมาหลายวัน กลั้นมามากแล้ว พอประกาศยืนยัน น�้าตาก็ไหลมาเองโดย
ไม่ต้องท�าอะไรเลย”
คุณน้ามณฑาเล่าถึงความรู้สึกเศร้าที่เคยถูกสะกดไว้ เธอพูดเร็วแบบไม่เน้นค�าเพื่อ
สะกดกลั้นน�้าตาที่พร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ แม้จะมีน�้าเสียงสั่นเครือในบางช่วง
“ตั้งแต่เกิดมาเราก็เห็นในหลวงท่านแล้ว พี่เป็นคนอ่างทอง สมัยเด็กๆ เราเคยไปรอ
รับเสด็จท่านที่วัดใกล้ๆ บ้านตั้งแต่ยังเล็กๆ เกิดมาก็เห็นท่านท�าแต่งาน ท�าแต่งาน คือท่าน
ให้ เป็นคนให้เรามาตลอด แต่เราเป็นคนที่ไม่เคยท�าอะไรถวายท่านเลย เราก็คิดว่า ท�ายังไง
เราจะท�าอะไรถวายท่านได้ ถึงครั้งสุดท้ายเราก็ต้องมา สักครั้งหนึ่ง คือจะมาเรื่อยๆ จนกว่า
จะมีพิธีสุดท้าย จะมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีพิธีอะไรก็แล้วแต่ มาเพื่อท่านสักครั้งในชีวิตตัวเอง”
เธอจบท้ายด้วยการประกาศความตั้งใจแน่วแน่
หลังจากคุณน้าอ�าพันธ์หันไปซับน�้าตาให้พอเหือดแห้งและสวมแว่นด�ากลับเข้าไป
เธอก็เล่าให้ฟังถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อเด็กน้อยยากจนจากต่างจังหวัด
คนนี้
“สมัยก่อนเราเป็นเด็กบ้านนอก ตอนแรกๆ ที่เข้าโรงเรียนก็เป็นเด็กยากจน นุ่ง
ผ้าถุงไปเรียน สมัยก่อนที่เรียนหนังสือ ป.๑ ใช้กระดาษดิน ดินสอหินอะไรอย่างนี้ แต่พอ
ประมาณสักครึ่งปีได้ ครูบอกว่า เอ้า เลิกใช้ เดี๋ยวในหลวงท่านจะพระราชทานสมุด ดินสอ
และชุดมาแจก ปัจจุบันก็ยังเก็บสมุดเล่มนั้นไว้อยู่
246