Hub สธ.เร่งผลิตบุคลากร-เทคโนโลยีเสริมพลัง
ที่มา : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
พลเรือเอกณรงค์ ย้ำไทยมีศักยภาพ Hub สาธารณสุขเร่งผลิตบุคลากร ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเสริมพลังทุกวิชาชีพทำงานเป็นทีมเวิร์ก
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมกรสุขภาพแห่งชาติ เปิดประชุมวิชาการประจำปีระดับชาติ ท่ามกลางบุคลากรเสื้อกาวน์ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ บุคลากรสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน "เทคโนโลยีสารสนเทศ เสริมพลัง สร้างวิชาชีพสุขภาพ" ในศตวรรษที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อระบบสุขภาพทั่วโลก ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงและคุณภาพ โรคติดต่ออุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ ผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคเรื้อรังทางร่างกายและจิตใจที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ อีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับตัวให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีพลัง เมืองไทยมีศักยภาพ Hub สาธารณสุข คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เร่งผลิตและเฉลี่ยกระจายบุคลากรด้านสาธารณสุขให้ทั่วถึง
ศสช., สสส., China Medical Board, World Health Organization Regional Office for South East Asia, องค์การเภสัชกรรม (GPO), JICA สนับสนุนการจัดประชุมระดับชาติที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ท่ามกลางนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชนที่ผลิตบุคลากรด้านการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข เข้าร่วมงานเต็มห้องประชุม
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็น ประธานเปิดการประชุมวิชาการประจำปีระดับชาติ การพัฒนาการศึกษาสำหรับบุคลากรด้านสุขภาพ ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ "เทคโนโลยีสารสนเทศ เสริมพลัง สร้างวิชาชีพสุขภาพ" และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Transformative Health Professional Education in Thailand 4.0 ว่า "ผมเป็นทหาร ไม่เคยเข้ารับการศึกษาด้านนี้มาก่อน แต่เมื่อรับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติก็ต้องตกกระไดพลอยโจน อย่างไรก็ตามเมื่อตอบรับคำเชิญแล้วในฐานะที่เป็นทหารเรือก็สามารถเชื่อมโยงได้ว่าพระบิดาการแพทย์แผนปัจจุบันคือ สมเด็จฯ กรมหลวงสงขลานครินทร์ พระบรมราชชนก ทรงเป็นทหารเรือ ทรงจบการศึกษาด้านการทหารจากประเทศเยอรมนี รับราชการที่กองทัพเรือ ทรงเป็นทหารเรือไทยคนแรกที่เขียนโครงสร้างการป้องกันประเทศด้วยเรือดำน้ำ พระองค์ยังทรงสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ทรงปูพื้นฐานด้านการแพทย์แผนปัจจุบันให้กับประเทศไทย ดังนั้นเรื่องของทหารเรือและด้านการแพทย์จึงมีความเกี่ยวพันกัน"
การเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงระบบการศึกษาเพื่อสุขภาพสู่ไทยแลนด์ 4.0 คนไทยคุ้นหู เรามุ่งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมปรับปรุงอุตสาหกรรมของประเทศ ขณะนี้เราอยู่ 3.0 เป็นอุตสาหกรรมหนัก ส่งออก เราต้องการเข้าสู่ 4.0 ใช้เทคโนโลยีปรับปรุงอุตสาหกรรมในเชิงพาณิชย์ รวมถึงงานบริการ เจริญรุ่งเรืองอย่างสมดุลในทุกด้าน การแพทย์สาธารณสุขจึงเกี่ยวพันกันด้วย มีอาชีพด้านบริการ แพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสุขภาพ จบการศึกษาระดับปริญญารวมเป็นบุคลากรทางด้านสุขภาพ
พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยมหิดลเมื่อปี 2535 พระองค์รับสั่งถึงเรื่องการศึกษา ใครที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปีนั้นคงจะจำข้อความนี้ได้ ความรู้มี 3 อย่าง ความรู้ทางวิชาการ ความรู้จากประสบการณ์ ความคิดอย่างมีเหตุผลในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการวิเคราะห์ปัญหา ซึ่งเป็นหัวใจของการศึกษา บุคลากรที่ทำงานด้านสุขภาพจะต้องมีความรู้เก่งกว่าระดับปกติโดยทั่วไป แต่เราต้องการบุคลากรด้านสุขภาพทำงานบริการให้ความรู้เรื่องสุขภาพให้กับประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องมีคุณธรรมจริยธรรมในใจ ช่วยเหลือผู้ป่วยและญาติมิตรด้วยความรู้สึกว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ควบคู่กับการใช้ความรู้ความสามารถด้วย ดังนั้นทั้งแพทย์และพยาบาลกว่าจะเรียนจบต้องใช้เวลา 10 ปี คือ ใช้ความพยายามส่วนตัวอย่างสูงมาก ยิ่งใครสนใจที่จะเรียนแพทย์เฉพาะทางก็ต้องศึกษาเพิ่ม
ในศตวรรษที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่มีผลต่อระบบสุขภาพทั่วโลก ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงและคุณภาพ โรคติดต่ออุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ ผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคเรื้อรังทางร่างกายและจิตใจที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับตัวให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีพลัง
เราอยากเห็นการเรียนแบบบูรณาการร่วมกันในสถาบันการศึกษา เห็นการทำงานร่วมกันเป็นทีม เป็น Primary Care Cluster กระทรวงสาธารณสุขทำให้ครบ 1600 ทีมทั่วประเทศ แพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพ เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนทุกชุมชน คลินิกหมอครอบครัวมี 3 ทีม เป็นการตอบสนองการทำงานเป็นทีม ลดระยะเวลาการ รอคอยของประชาชน ทุกวันนี้ประชาชนต้องใช้เวลามา โรงพยาบาลเพื่อรอคิวตั้งแต่เช้ามืด ให้หมอตรวจถามไถ่เพียง 5-10 นาที ถ้าเราทำงานเป็นทีมการแพทย์ปฐมภูมิ หมอครอบครัวจะลดเวลาคนไข้พบหมอ แต่ละทีมให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ได้
"ผมดูงานหมอครอบครัว ผู้ให้บริการและผู้รับบริการรู้จักกันทั้งครอบครัว ให้คำปรึกษากันทางโทรศัพท์ได้ ยกเว้นเกินขีดความสามารถก็จะส่งไปให้แพทย์เฉพาะทางให้โรงพยาบาลศูนย์เป็นผู้ดูแล สอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์การศึกษาบุคลากรด้านสุขภาพที่กำหนดไว้ 6 ประเด็น คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทำมาแล้วหลายปี โน้มน้าวชักจูงให้สถานศึกษาผลิตบุคลากรให้มีความคิดในแนวทางเดียวกัน" แต่ก่อนเราผลิตบุคลากรแยกส่วนไม่ได้ผสมผสานกัน ต่อไปแนวคิดให้มีการบูรณาการกันในสถาบันการศึกษาด้วยการปฏิรูปการศึกษา การจัดการการศึกษาหลักสูตร จัดองค์ความรู้ ร่วมมือระหว่างผู้ผลิต (สถาบันการศึกษา) และผู้ใช้ (บุคลากรทางด้านสาธารณสุข)
การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการเรียนการสอน การหาความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทในทุกวงการ สมัยเด็กๆ ลูกถามพ่อแม่ว่าหนูเกิดมาได้อย่างไร พ่อแม่บอกว่ามาจากกระบอกไม้ไผ่ หรือออกมาทางสายสะดือ แต่ปัจจุบันเด็กเปิดดูจาก You Tube เสมือนหนึ่งอยู่ในห้องคลอด มีบทบาทช่วยการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาได้เป็นอย่างดี Smart Class Room ยกห้องสมุดเข้ามาอยู่ในห้องเรียน ดังนั้นครูอาจารย์ผู้สอนก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ตามเท่าทันเทคโนโลยี มิฉะนั้นเราไม่สามารถตอบคำถามให้นักเรียน นักศึกษาได้ ผู้ที่เรียนจบทางด้านเทคโนโลยี ด้านการแพทย์ สาธารณสุข สุขภาพมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจบออกมาทำงานก็ต้องติดตามวิทยาการ ผลงานความก้าวหน้าทางด้านวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นจะล้าหลังได้ กลายเป็นแพทย์แผนโบราณเพราะตามไม่เท่าทันเทคโนโลยีวิทยาการก้าวหน้า
ปัจจุบัน สถานการณ์ของโลกและประเทศไทยเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะผู้สูงวัย (ปี พ.ศ.2560 ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในประเทศไทยมี 11 ล้านคน หรือร้อยละ 17.04 และคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2564 สังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ สัดส่วนประชากรผู้สูงวัยร้อยละ 20 ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2574 จะเพิ่มถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด) จะมีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงต้องการผู้ดูแลด้านสุขภาพมากขึ้น จึงต้องศึกษาหาแนวทางรับมือกับสภาวะสังคมผู้สูงวัยอย่างเข้มข้น เพิ่มสถานบริการเพื่อให้บริการผู้สูงวัยมากขึ้นด้วย อยากเห็นคนที่ทำงานกับผู้ป่วยผู้ชราผู้สูงวัยจะต้องมีคุณธรรมจริยธรรม เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ป่วย ถ้าเรามีการอบรมบ่มเพาะในสถาบันการศึกษา ปัญหาที่จะมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ป่วย ผู้ให้บริการทางการแพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพก็จะลดน้อยลง การฟ้องร้อง ร้องเรียนก็จะลดลงด้วย
ปัจจุบันนี้คนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต รับประทานอาหารรสหวานจัด เค็มจัด มันจัด อีกทั้งยังมีสิ่งเสพติด บุหรี่ สุรา พฤติกรรมเฉื่อยเนือยนิ่ง นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ เป็นบ่อเกิดให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาประชากรโลก ประชากรไทย คนทำงานด้านสุขภาพจะต้องติดตาม ขณะนี้ยังมีปัญหาวิกฤติด้านสาธารณสุข การดื้อยาจากยาต้านจุลชีพ ยาปฏิชีวนะที่ถูกผลิตเพื่อต้านเชื้อบักเตรี ไว้รัสสมัยก่อนเป็นยาได้ผลดี แต่เมื่อปัจจุบันเชื้อโรคสร้างภูมิต้านทานตัวเอง แต่ก่อนใช้ยาแล้วหายแต่ปัจจุบันไม่ได้ผลแล้วเพราะมีการดื้อยา การใช้ยาต้องสมเหตุสมผล แพทย์พยาบาลให้คำปรึกษาเภสัชกรในเรื่องการให้ยาที่สมเหตุสมผล คนไทยติดเชื้อปีละ 1 แสนคน เสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อ 3 หมื่นคน สูญเสียเป็นเงิน 4 หมื่นล้านบาท/ปี เป็นภาวะวิกฤติ เกิดได้ทุกแห่งของชุมชน "ผมไม่ใช่บุคลากรด้านสุขภาพ ผมเป็นผู้ใช้บริการทางด้านการแพทย์ อยากเห็นผลผลิตจากสถาบันการศึกษามีขีดความสามารถ มีบุคลากรจำนวนเพียงพอกระจายในทุกภูมิภาคในชุมชน จำนวนบุคลากรด้านสุขภาพยังมีไม่เพียงพอ แพทย์แผนไทย นักกายภาพบำบัด นักเทคนิคการแพทย์ จิตแพทย์ยังขาดแคลนอยู่ ต่อไปจะต้องมีคณะกรรมการนโยบายคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำหนดนโยบายของประเทศการผลิตบุคลากรให้มีความสามารถ มีกระบวนทัศน์ กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ"
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงวณิชา ชื่นกองแก้ว เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพแห่งชาติ (ศสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าและก้าวไกลของเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในวงการศึกษาอย่างกว้างขวาง การประชุมครั้งนี้จะเน้นเรื่องการปฏิรูปสถาบันการศึกษา การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลงด้านการปฏิรูปการศึกษาสำหรับสถาบัน ความร่วมมือจากบุคลากรสุขภาพในระบบบริการสุขภาพ สถาบันการศึกษาและสภาวิชาชีพต่างๆ การพัฒนาอาจารย์ การบริหารจัดการสถาบัน เครื่องมือวัดผลที่ได้รับการยอมรับ และในด้านปฏิรูปการเรียนการสอน หลักสูตร ศักยภาพของผู้เรียน กระบวนการเรียนรู้ ประเมินผลและสภาพแวดล้อม ในงานจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแสดงนิทรรศการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการจัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพต่อไป
"ข้อมูลจากการศึกษาเพื่อสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายในการวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพในทศวรรษหน้า (พ.ศ.2560-2569) โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ระบุว่า การวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพไม่ใช่แค่การผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณกำลังคนเข้าสู่ระบบเท่านั้น แต่ต้องวางแผนทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การกระจาย การคงอยู่ของกำลังคน เพราะการวางแผนที่ไม่เหมาะสมนำไปสู่ความขาดแคลนหรือการกระจายตัวที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาบุคลากรเกินความต้องการของประเทศ หรือบุคลากรกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตเมืองมากกว่าในพื้นที่ห่างไกล"
"อนึ่ง ในงานนี้ยังมี นพ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปาฐกถาพิเศษ "Digital is Different" Dr. Poonam Khetrapal Singh ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEARO) เปิด VDO Presentation "Transformative Health Workforce and Technology in SEAR" ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปาฐกถาพิเศษ ICT for Education and Professional Development in Thailand: How Far We Go" Prof. Erle CH Lim Associate Provost National University of Singapore ปาฐกถาพิเศษเรื่อง Technology Enhanced Learning Development ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "Education 4.0 in Thailand: How to Reach" ทั้งนี้ ภก.ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภญ.ดร.อมราพร วงษ์รักษ์พานิช คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นพิธีกรในงาน