"มะเร็งตับ" คำนี้พูดเบาๆ ก็กลัว เพราะทุกคนรู้ดีว่า ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะล้ำหน้ามากเพียงใด แต่การเป็นโรคมะเร็งนั้นมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าโรคไหนๆ แถมยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ค่อยจะได้ เราทราบกันถึงแต่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นตัวเร่งเร้าให้เกิดโรคมะเร็งมากขึ้นก็เท่านั้น
แต่หลายคนอาจจะกลัวว่าเป็นมะเร็งส่วนอื่นๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งส่วนอื่นๆ จนมองข้าม “มะเร็งตับ” ไป ทั้งที่จริงแล้ว ความน่ากลัวที่สุดของมะเร็ง อยู่ที่มะเร็งตับนี่แหละ แถมยังเป็นโรคที่คร่าชีวิตของคนดังมากมาย
พบผู้ป่วยมะเร็งตับคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับมากถึง 14,000 คนต่อปี มีอัตราการเป็นมะเร็งตับต่อ 100,000 ประชากรเป็นอันดับที่ 8 ของโลก
สำหรับโอกาสรอดจากมะเร็งตับนั้นมีเพียง 13% เท่านั้น นั่นหมายความว่าผู้ป่วยมะเร็งตับมีโอกาสที่จะเสียชีวิตมากถึง 87% เลยทีเดียว
มะเร็งตับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นอันดับ 1 โดยพบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และพบมากเป็นอันดับที่ 3 ของเพศหญิง
โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer) เป็นโรคมะเร็งที่สามารถพบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งที่เกิดขึ้นในผู้ชายไทย ทั้งยังพบมากเป็นอันดับ 4 ของผู้ป่วยมะเร็งรวมกันทั้งชายและหญิง ส่วนมากมะเร็งตับมักพบในผู้ป่วยที่มีอายุ 30 - 70 ปี และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 - 3 เท่า จัดว่าโรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก จนอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้เป็นจำนวนหลายราย อนึ่ง โรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ กว่าผู้ป่วยจะได้เข้ารับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคใดก็ต้องพบว่าอยู่ในระยะท้ายของการเป็นมะเร็งตับซะแล้ว ซึ่งไม่โอกาสที่จะรักษาให้หายได้
โดยปกติแล้วการแบ่งระยะของโรคมะเร็งตับนั้นมีได้หลายแบบ แต่ในภาพรวมจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ เช่นเดียวกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ
โรคมะเร็งตับ ระยะที่ 1
โรคมะเร็งตับ ระยะที่ 2
โรคมะเร็งตับ ระยะที่ 3
โรคมะเร็งตับ ระยะที่ 4
และไม่ว่าอาการที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากโรคใด้ก็ตาม เราควรรีบที่จะเดินทางไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการดูแลรักษาที่ถูกต้องให้หายเป็นปกติ
>> 8 สัญญาณอันตราย “มะเร็งตับ”
เพราะการใช้ชีวิต และอาหารการกินของคนไทยหลายอย่าง ทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มแอลกอฮอล์ จากการทานอาหารดิบๆ สุกๆ หรือปลาน้ำจืดดิบ ที่มีพยาธิใบไม้ในตับ หรือการบริโภคอาหารที่มีเสี่ยงว่าจะมีส่วนประกอบของดินประสิวเป็นประจำ เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เนื้อเค็ม กุนเชียง หรือปลาเค็ม เป็นต้น
มีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่เสี่ยงเป็นมะเร็งตับจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และซี โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วไม่ยอมไปรับการรักษา จนปล่อยให้ตับติดเชื้อเรื้อรัง ตับอักเสบเป็นเวลานานๆ
การได้รับสารพิษที่มีชื่อว่า “อะฟลาทอกซิน” เข้าไปในร่างกายเป็นเวลานาน อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคมะเร็งตับได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยย่อยๆ อีกหลายปัจจัยที่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งตับที่ไซไลหลายคนอาจไม่ทราบ เช่น การได้รับสารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น การรับฮอร์โมนเสริม ยาคุมกำเนิด สารหนู หรือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และคนอ้วนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็เข้าข่ายผู้ที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
>> จริงหรือไม่? เป็นไวรัสตับอับเสบบี เสี่ยงเป็นมะเร็งตับเพิ่ม
>> ไม่อยากเป็น “มะเร็งตับ” ลดความเสี่ยงด้วย “กาแฟ”
แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นจะช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายของเราแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาการของโรคบรรเทาลงไปได้บ้าง แต่ก่อนจะเริ่มลงมือทำ แนะนำว่าให้ปรึกษาufabet autoแพทย์ก่อนเริ่มแผนที่จะออกกำลังกาย เพื่อให้เราได้รู้ว่าร่างกายมีความพร้อมต่อการออกกำลังกายมากน้อยอย่างไร เมื่อถึงคราวที่ลงมือทำจริงๆ ควรจะให้ครอบครัว หรือเพื่อนมีส่วนร่วมด้วยเสมอ นอกจากจะสนุกกับการออกกำลังกายแล้ว ก็ยังมีคนคอยดูแลความปลอดภัยของเราด้วย โดยให้เริ่มต้นออกกำลังกายช้าๆ จากนั้นจึงค่อยเพิ่มระยะเวลาออกกำลังกายให้นานขึ้นในวันต่อๆ ไป แต่ทั้งนี้ ก็จะต้องแบ่งช่วงพักจากการออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น อาทิ หากต้องการเดินเร็ว 30 นาที อาจแบ่งช่วงพักเป็นทุกๆ 10 นาที
โดยปกติ ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับจะมีตับแข็ง ซึ่งอาจจะมีเส้นเลือดขอดที่บริเวณตับร่วมด้วย ฉะนั้น การออกกำลังกายด้วยวิธีใดก็ตามที่ต้องมีการเกร็งหน้าท้อง อย่าง การซิตอัป ให้หลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขอดแตกได้ หรือหากมีอาการโลหิตจาง แนะนำว่ายังไม่ควรออกกำลังกาย ในระหว่างที่ผู้ป่วยทำการรักษาจะมีการเจาะเลือดเพื่อนับจำนวนเม็ดเลือด หากเป็นไปได้ ให้ผู้ป่วยสอบถามจากแพทย์มีเรามีความพร้อมที่จะออกกำลังกายแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ เนื่องจากในสระน้ำจะมีคลอรีนที่ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกฉายแสงเกิดการระคายเคืองได้ เช่นเดียวกับการเข้ารับเคมีบำบัด 7 - 12 วัน ก็ไม่ควรว่ายน้ำในสระน้ำสาธารณะ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่สาธารณะ เพราะเคมีบำบัดจะทำให้ร่างกายรับมือกับเชื้อโรคได้น้อยลง ตลอดจนหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายบนพื้นที่ที่ขรุขระ หรือเป็นทางลาดชัน เพราะอาจเสี่ยงต่อการหกล้ม
แม้ว่าโรคมะเร็งจะเป็นโรคที่น่ากลัวมากขนาดไหน แต่หากพบในระยะแรกๆ จะสามารถรักษาให้มีอาการดีขึ้น จนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะฉะนั้นรักตัวเองให้มากๆ เลือกทานอาหารดีๆ ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้เจ็บป่วย จะได้มีความสุขอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ ค่ะ