ที่มา : คู่มือรู้ทันโรคและภัยสุขภาพสำหรับประชาชน โดยสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
แฟ้มภาพ
โรคไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B) เป็นการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากไวรัสตับอักเสบ บี โดยเชื้อไวรัสจะบุกรุกสู่เซลล์ตับ และก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น ในบางกรณีผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการ ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ในร่างกาย แต่ตับมีการอักเสบต่อเนื่องทำให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด
การติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
อาการของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี
อาการของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี จะเกิดหลังได้รับเชื้อประมาณ 45 – 90 วัน บางรายอาจจะนานถึง 180 วัน ผู้ป่วยที่เป็นแบบเฉียบพลันจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามตัว มีไข้ แน่นท้อง ถ่ายเหลว เป็นอยู่ 4 – 15 วัน หลังจากนั้นจะมีตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อาการตัวเหลืองตาเหลืองจะหายไปภายใน 1 – 4 สัปดาห์ บางรายอาจเป็นนานถึง 6 สัปดาห์ จึงสามารถทำงานได้ปกติ สำหรับเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกคลอด อาจไม่มีอาการ
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ บี
ส่วนใหญ่หายเอง แต่จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่กลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งต้องรักษาโดยการให้ยา interferon หรือ lamivudine และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี
โรคไวรัสตับอักเสบ บี สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลตัวเอง และต้องคำนึงถึงบุคคลใกล้ชิดด้วย เพราะอาจนำเชื้อไปสู่คนใกล้ชิด วิธีการปฏิบัติตัวหากมีเชื้ออยู่ในร่างกายคือ
แสดงความคิดเห็น